เสร็จสิ้นลงไปแล้วสำหรับการสอบ เกาเข่า ( 高考 ) ย่อมาจากคำว่า ‘ 高等学校招生全国统一考试 ’ ( อ่านว่า เกาเติ่งเสวียเสี้ยวจาวเชิงฉวนกั๋วถ่งอีเข่าชื่อ ) หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘ The National Collage Entrance Examination – NCEE ’ สนามสอบระดับประเทศสำหรับผู้เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยของจีน ซึ่งในปีนี้มีผู้เข้าสอบสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์กว่า 12.9 ล้านคน

การสอบเกาเข่านับว่าเป็นการกำหนดชะตาชีวิตของเด็กมัธยมปลายที่จะก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย ที่เรียกได้ว่าเป็นสนามสอบที่ยากและกดดันที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และทุกคนต่างต้องแย่งชิงทำคะแนนให้สูงที่สุดเพื่อได้สิทธิ์เข้าเรียนยังสถาบันการศึกษาอันดับต้นๆ ของประเทศ

ทุกๆ วันที่ 7 – 8 มิถุนายนของทุกปี จะเป็นวันสอบพร้อมกันทั่วประเทศจีน ซึ่งภาพที่เกิดขึ้นตามเมืองต่างในประเทศจีนนั้น จะเป็นวันสำคัญของชาติ ทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน จะร่วมมือกันอำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าสอบในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเวลาการปรับระบบการจราจรให้ผู้เข้าสอบไปถึงสนามสอบได้สะดวกและรวดเร็ว ห้างร้าน กิจการต่างๆ จะขยับเวลาเปิดให้สายขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจราจรติดขัด แม้แต่ตำรวจ ทหาร ต่างก็จัดเจ้าหน้าที่และยานพาหนะมาอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ เพื่อให้เด็กๆ ที่จะเป็นอนาคตของชาติสามารถไปถึงสนามสอบได้อย่างสะดวกและรวดเร็วที่สุด

รวมทั้งเพื่อนๆ พ่อแม่ ญาตพี่น้อง ต่างจัดเต็มเพื่อเชียร์และให้กำลังใจลูกหลานของตัวเอง ซึ่งบรรยายกาศนั้นเป็นไปอย่างคึกคัก ดุจแนวหลังที่พร้อมส่งกำลังใจให้กับแนวหน้าที่จะไปออกศึกในสนามรบ

โดยปกติการสอบเกาเข่าจะใช้เวลารวมแล้วกว่า 9 ชั่วโมง โดยข้อสอบทั้งหมดมี 2 ส่วนหลักๆ คือ วิชาหลักจำนวน 3 วิชา (คณิตศาสตร์ 150 คะแนน / ภาษาจีน 150 คะแนน / และภาษาอังกฤษ 150 คะแนน ) รวมคะแนนเต็ม 450 คะแนน

และส่วนที่ 2 คือวิชาเลือกตามความถนัดโดยแบ่งออกเป็นสายวิทย์และศิลป์ หากเลือกสายวิทย์จะต้องสอบ วิชาเคมี ชีววิทยา และฟิสิกส์ ส่วนผู้ที่เลือกสายศิลป์จะต้องสอบวิชาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมือง คะแนนเต็ม 300 คะแนน คะแนนรวมทั้งหมดอยู่ที่ 750 คะแนน

และถ้าหากจะเข้ามหาวิทยาลัยระดับต้นๆ คะแนนที่สอบได้ก็ไม่ธรรมดา เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศจีน คะแนนต่ำสุดที่จะมีสิทธิ์เข้าเรียนที่นี่ก็คือ 678 คะแนน ส่วนมหาวิทยาลัยชิงหวา คะแนนต่ำสุดอยู่ที่ 678 คะแนน เช่นกัน

และมหาวิทยาลัยเหล่านี้มีผู้ต้องการเข้าศึกษาต่อในแต่ละปีนับล้านๆ คน แต่มีอัตราการรับเข้าเรียนเพียงหลักหมื่นคน

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เข้าสอบถึงต้องแย่งกันทำคะแนนให้ดีที่สุด เพราะการที่ได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยหัวแถวมันคือการยกระดับชีวิตทั้งของตัวเองและครอบครัว และทำให้มีโอกาสในอาชีพการงานที่ดีกว่า เหนือกว่าผู้ที่สอบเข้าสถาบันการศึกษาอันดับรองๆ นั่นเอง

อย่างที่บอกการสอบไม่เพียงแต่สำคัญต่อชีวิตและอนาคตของผู้เข้าสอบ แต่ยังสำคัญต่อพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กด้วย เพราะพ่อแม่เองก็ให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวสอบของนักเรียนจนถึงขนาดที่ จ้างพี่เลี้ยง หรือที่เรียกว่า 高考保姆 (Gaokao Nannies) ให้มาดูแลนักเรียนในช่วงเตรียมตัวสอบ เป็นเพื่อนอ่านหนังสือ เป็นเพื่อนคุย รวมไปถึงดูแลเรื่องอาหารและโภชนาการของนักเรียนที่อ่านหนังสือเตรียมตัวสอบด้วย

หรือบางครอบครัวยอมลาออกจากงานมาดูแลลูกช่วงเตรียมสอบก็มี

ไม่เพียงแค่คนในครอบครัวเท่านั้นที่เห็นถึงความสำคัญของการสอบ ธุรกิจโรงแรมที่ตั้งอยู่ใกล้ สนามสอบบางแห่งก็มีการจัดแพ็คเกจสำหรับผู้เข้าสอบที่มาเตรียมตัวสอบอีกด้วย เพราะว่าในช่วงสอบนั้น มีหลายคนที่เดินทางมาไกลจากต่างจังหวัดเพื่อมาที่สนามสอบ บางคนก็เลือกที่จะหาที่พักใกล้ๆ ที่สอบเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง

หรือแม้แต่การเดินทางไปสนามสอบ ระบบขนส่งมวลชนต่างๆ จะให้บริการฟรีแก่ผู้เข้าสอบ รวมทั้งรถแท็กซี่ก็ให้บริการฟรีเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้นผู้ขับขี่รถยนต์ส่วนตัว ก็ออกมาเป็นอาสาสมัครรับส่งนักเรียนไปยังสนามสอบโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ก็มีด้วย

ด้วยการสอบเกาเข่านั้นเป็นการสอบที่มีคุณภาพสูง และคัดแต่หัวกะทิเพื่อเข้าเรียนในสถาบันหัวแถว การยอมรับจึงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในประเทศจีนเท่านั้น เพราะผู้ที่ผ่านสนามสอบแล้วได้คะแนนดีๆ ก็จะได้รับโอกาสในการเข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยระดับโลกอื่นๆ ได้ ซึ่งก็มีหลายสถาบันการศึกษาที่ให้ใช้คะแนนการสอบเกาเข่ายื่นเข้าเรียนต่อได้เลย

เช่นในปี 2018 มหาวิทยาลัยนิวแฮมเชียร์ได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยรัฐแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่เปิดรับคะแนนสอบเกาเข่า

ต่อมาในปี 2019 สถาบันชั้นนำอย่าง มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียของแคนาดาก็เริ่มเปิดรับคะแนนเกาเข่าเช่นกัน

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยเอดินบะระ และมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก ยังพิจารณานักศึกษาจีนที่มีคะแนนสอบเกาเข่าดีเยี่ยม พร้อมยังมอบทุนการศึกษาให้แก่ผู้สมัครที่มีคะแนนสูงสุดอีกด้วย ซึ่งข้อดีนั้นก็คือทำให้เด็กจีนมีทางเลือกในการเรียนต่อระดับอุดมศึกษามากขึ้น

เพราะมั่นใจได้ว่าเด็กที่ผ่านสนามสอบเกาเข่ามาแล้วได้คะแนนดี ถือว่าเป็นผู้ที่อยู่ในเกณฑ์คุณภาพสูง ฉะนั้นจึงมอบโอกาสให้กับบุคคลเหล่านี้ได้มีตัวเลือกสถาบันการศึกษาอื่นๆ นอกเหนือจากในประเทศจีน และถือเป็นการดึงดูดคนเก่งๆ เข้ามายังประเทศของตัวเองด้วย