อ้าว ทำไมร้านนี้ 2 (ราคา) มาตรฐาน

เป็นเรื่องที่เห็นได้จนชินตาเมื่อร้านอาหาร หรือร้านขายสินค้าในประเทศญี่ปุ่นตามแหล่งท่องเที่ยวจะมีราคาสินค้าและบริการที่สูงกว่าราคาตลาดทั่วไปเพื่อเป็นการเรียกเงินจากกระเป๋าสตางค์นักท่องเที่ยวต่างชาติ ทว่าการตั้งราคาสินค้าและบริการที่สูงกลับสร้างผลกระทบให้คนญี่ปุ่นในท้องถิ่นเช่นกัน เพราะเมื่อค่าครองชีพในพื้นที่สูง แรงงานในพื้นที่ก็จะน้อยลง นอกจากนี้ยังสร้างปัญหาต่อตัวธุรกิจเองด้วย เพราะต้องเผชิญกับปัญหาการเติบโตเนื่องจากคนในท้องถิ่นไม่อยากซื้อสินค้าและบริการในราคานักท่องเที่ยว

.

ปัญหาดังกล่าวทำให้ธุรกิจร้านอาหารในญี่ปุ่นเริ่มหันมาใช้กลยุทธ์การตั้งราคาแบบ ‘แยกราคา’ เป็น 2 ราคา ได้แก่ ราคานักท่องเที่ยว และราคาคนญี่ปุ่น เพื่อแก้ปัญหาค่าครองชีพสูงที่คนท้องถิ่นกำลังเผชิญ โดยแลนด์มาร์คท่องเที่ยว Senkyaku Banrai แห่งย่านโทโยสุ จังหวัดโตเกียว กำลังจะนำกลยุทธ์ดังกล่าวมาปรับใช้

.

ปัจจุบัน Senkyaku Banrai มีร้านอาหารประมาณ 50 ร้านที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ และร้านอาหารส่วนใหญ่ต่างให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก นั่นทำให้ย่านดังกล่าวมีจำนวนแรงงานชาวญี่ปุ่นน้อยลงด้วยเหตุผลเรื่องค่าครองชีพ

.

บริษัทวาตามิ คือหนึ่งในบริษัทธุรกิจอาหาร ณ Senkyaku Banrai ที่เน้นทำยอดขายจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ร้านอาหารวาตามิจะเปิดให้บริการก็ต่อเมื่อมีการคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการในปริมาณที่เหมาะสม ทว่าต่อให้ทำยอดขายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ซักเท่าไหร่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ร้านอาหารก็จะเผชิญกับปัญหาในการขยายธุรกิจ เนื่องจากไม่ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าในประเทศตนเอง ‘มิกิ วาตานาเบะ’ (Miki Watanabe) ประธานเครือบริษัทอาหารวาตามิ อธิบายถึงความต่างของพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นไว้ว่า

.

“คนญี่ปุ่นจะไม่ซื้อเนื้อสันนอกเสียบไม้ย่างในราคา 3,000 เยน (ประมาณ 693 บาท) แต่นักท่องเที่ยวจะไม่คิดแบบนั้น”

(คงเหมือนกับที่คนไทยจะไม่ซื้อไก่ย่างในราคาไม้ละ 100 บาท)

.

หนทางแก้ปัญหาที่ได้รับการพูดถึงคือการกำหนดราคาแบบสองระดับ ราคาหนึ่งสำหรับขายนักท่องเที่ยวต่างชาติ และอีกราคาหนึ่งไว้รองรับคนญี่ปุ่นในท้องถิ่นโดยเฉพาะ

.

ร้านอาหาร Tamatebako จากย่านชินจุกุ ก็มีการกำหนดราคาในลักษณะดังกล่าวเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม หากเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ คอร์สบุฟเฟต์จะมีราคาคอร์สละ 6,980 เยน (ประมาณ 1,600 บาท) แต่หากเป็นคนญี่ปุ่นจะมีราคาคอร์สละ 5,980 เยน (1,389 บาท) ประธานบริษัทเครือร้านอาหาร Tamatebako ‘โชะโกะ โยเนะมิตสึ’ (Shogo Yonemitsu) ได้ออมาพูดถึงกลไกราคาดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า

.

“หากพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายในการให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตั้งราคาให้สูงขึ้น”

.

เช่นนั้นแล้วการตั้งราคาที่สูงขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ ผิดกฎหมายประการใดหรือไม่ คำตอบดังกล่าวได้รับการยืนยันจาก ‘โชวเฮ ฟุรุกาวะ’ (Shohei Furukawa) ทนายความที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคว่า “ตราบใดที่ร้านค้าสามารถอธิบายที่มาที่ไปของราคาได้อย่างสมเหตุสมผล การกำหนดราคาแบบสองระดับก็ไม่ใช่ปัญหาทางกฎหมาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความรู้สึกของผู้บริโภคว่าจะยอมจ่ายเงินในราคาที่แพงขึ้นหรือไม่”

.

 ซึ่งดูเหมือนนักท่องเที่ยวจะยินดีจ่าย

.

จริง ๆ แล้วปัญหานักท่องเที่ยวที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อคนในถิ่นเป็นปัญหาที่พบเจอได้อยู่บ่อยครั้ง ที่ญี่ปุ่นเองจะมีคำว่า ‘kankō kōgai’ (観光公害) ที่แปลว่ามลพิษนักท่องเทื่ยว ไว้สำหรับเรียกสถานการณ์ที่ ‘นักท่องเที่ยวล้น’ จนไปกระทบการใช้ชีวิตประจำวันของคนในท้องถิ่น ชุมชน และระบบนิเวศโดยรอบ จากสถานการณ์ที่ของแพงจนคนท้องถิ่นเลือกที่จะเลี่ยงสินค้าและบริการต่าง ๆ ก็อาจจะเป็นผลกระทบทางอ้อมได้

.

ประเทศญี่ปุ่นมีร้านค้าและผู้ประกอบการที่ได้รับผลประโยชน์จากการขายของราคาสูงให้นักท่องเที่ยว นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจและพื้นที่โดยรอบ ช่วยทำให้ธุรกิจท้องถิ่นหาจุดเด่นมานำเสนอแก่ลูกค้าชาวต่างชาติที่พร้อมจะให้โอกาสและเต็มใจจะจ่ายในราคาที่แพง และในอีกมุมหนึ่งก็ยังคำนึงถึงแรงงานและคนในท้องถิ่น และพยายามจะหาจุดสมดุลระหว่างธุรกิจและคน สมชื่อญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
.
เรื่อง: กฤชพนธ์ ศรีอ่วม
.
Sources
https://asia.nikkei.com/Business/Travel-Leisure/Japan-restaurants-explore-charging-foreign-tourists-more
https://www.romancing-japan.com/posts/overtourism-japan-downside-japan-tourism/