ยุโรปออกกฎหมายแยกขยะเสื้อผ้าจากขยะอื่น ๆ เพื่อนำกลับมารีไซเคิล เริ่มทั้งทวีป 1 มกราคม 2025 หลังสถิติการสร้างขยะสิ่งทอเกือบแตะ 7 ล้านตันต่อปี
ภาพของกองเสื้อผ้าขนาดมหึมาเป็นภาพที่เห็นได้ชินตาในประเทศที่มีรายได้ต่ำ กองเสื้อผ้า, เศษผ้า และขยะประเภทสิ่งทอที่ถูกทิ้งรอวันเผาทำลายเป็นของประเทศนั้น ๆ เสมอไปหรือไม่ คำตอบคือไม่ ตามคำกล่าวของสำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรป (The European Environment Agency: EEA) ได้ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ขยะสิ่งทอปริมาณมาก ‘จะมาจากการส่งออกของประเทศฝั่งยุโรป’ ผสมโรงอยู่ด้วย
.
(ขยะสิ่งทอได้แก่ 1.ขยะสิ่งทอก่อนการบริโภค เช่น เศษผ้าที่เหลือใช้จากอุตสาหกรรมสิ่งทอ และ 2.ขยะสิ่งทอหลังการบริโภค เช่น เสื้อผ้าเก่า เครื่องนุ่งห่ม สิ่งทอที่เสื่อมสภาพต่าง ๆ)
.
จากรายงานของสำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรปหัวข้อ ‘Textile waste management in Europe’s circular economy’ (2024) ได้ชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันประเทศแถบยุโรปกำลังสร้างขยะสิ่งทอราว 6.95 ล้านตันต่อปี หรือเฉลี่ยแล้วประชากรหนึ่งคนจะสร้างขยะสิ่งทอ 16 กิโลกรัมต่อปี หลายประเทศในยุโรปต่างมีวิธีการรับมือปัญหาที่แตกต่างกันออกไป และล่าสุด ‘สาธารณรัฐเช็ก’ คือหนึ่งในประเทศที่กำลังจะลุกขึ้นมาแก้ปัญหาขยะสิ่งทอในประเทศอย่างจริงจัง
.
สาธารณรัฐเช็กมีขยะสิ่งทอประมาณ 180,000 ตันต่อปี เกือบ ๆ 40,000 ตันจะถูกนำไปเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล (1 ใน 4 ของทั้งหมด) ในขณะส่วนที่เหลือที่มีการปนเปื้อนจนไม่สามารถรีไซเคิลได้จะถูกนำไปทิ้งในขยะรวม ปัจจุบันสาธารณรัฐเช็กมีนโยบายรับมือขยะสิ่งทอโดยเฉพาะ และกำลังจะมีการปรับปรุงนโยบายดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้นในปี 2025 โดยกระทรวงสิ่งแวดล้อมของประเทศได้มีการประกาศแผนบังคับใช้ให้แยกขยะสิ่งทอก่อนทิ้ง เพราะปัจจุบันสาธารณรัฐเช็กไม่ได้บังคับให้มีการแยกขยะสิ่งทอก่อนทิ้ง ซึ่งนั่นทำให้ขยะสิ่งทอที่สามารถนำมาใช้ใหม่-รีไซเคิลได้ลงเอยที่กองขยะรวมรอวันทำลาย
.
การใช้นโยบายดังกล่าวของประเทศยังทำเพื่อสอดรับกับนโยบาย European directive on waste management หรือ EU Waste Framework Directive ข้อกำหนดที่ตกลงร่วมกันของประเทศแถบยุโรปในการบริหารจัดการขยะที่กำหนดให้ประเทศในสหภาพยุโรปจะต้องแยกสิ่งทอแยกออกจากขยะชนิดอื่น ภายในวันที่ 1 มกราคม 2025 เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อเตรียมการใช้ซ้ำ และการรีไซเคิล โดยรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของสาธารณรัฐเช็ก ‘ปีเตอร์ ฮลาดิค’ (Petr Hladík) เน้นย้ำว่ารัฐบาลจะทำให้แน่ใจว่าขยะสิ่งทอจะได้รับการจัดการที่ดีขึ้น มีการดำเนินการที่ประสิทธิภาพมากขึ้น
.
เพื่อแก้ปัญหาประชาชนในประเทศไม่แยกขยะสิ่งทอก่อนทิ้ง (การกระทำดังกล่าวจะทำให้ขยะทุกอย่างไปลงเอยรวมกันรอฝังกลบหรือทำลาย) กลยุทธ์ที่รัฐบาลใช้คือการ ‘จัดตั้งจุดทิ้งขยะสิ่งทอโดยเฉพาะ’ ตามพื้นที่ต่าง ๆ ในหลาย ๆ เมือง และตอนนี้สาธารณรัฐเช็กมีจุดทิ้งขยะสิ่งทอโดยเฉพาะประมาณ 10,000 จุดรอบเมืองพบเห็นได้ตามร้านขายของ ศาลากลาง หัวมุมถนน ฯลฯ และจุดดังกล่าวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ ตามความตั้งใจของรัฐบาล
.
ถ้าไม่รับมือให้ดีขึ้น ขยะสิ่งทอก็จะถูกนำไปทำลาย หรือไม่ก็ส่งออกนอกยุโรป
จากสถิติค่าเฉลี่ยในแถบยุโรปที่คนหนึ่งคนจะสร้างขยะสิ่งทอ 16 กิโลกรัมต่อปี เมื่อลงในรายละเอียดสามารถบอกได้ว่า 4.4 กิโลกรัม คือปริมาณขยะสิ่งทอที่ถูกเก็บแยกและสามารถนำกลับไปใช้ซ้ำ (reuse) นำกลับมาใช้ใหม่ (recycle) ในขณะที่อีก 11.6 กิโลกรัม คือปริมาณของขยะสิ่งทอที่ถูกนำไปทิ้งรวมกับขยะประเภทอื่น ๆ และถูกทำลายในที่สุด
.
เมื่อกลับมามองที่ภาพใหญ่ ตัวเลขขยะสิ่งทอ 6.95 ล้านตันต่อปี ‘ส่วนใหญ่มาจากเสื้อผ้า’และของใช้ในบ้าน นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าขยะสิ่งทอประมาณ 264,000 – 594,000 ตัน ที่ถูกทำลาย คือเสื้อผ้าและสิ่งทอที่ถูกวางขายในตลาดเป็นสินค้ามือ 1 ที่ยังไม่เคยผ่านการใข้งานแม้แต่ครั้งเดียว
.
ปัจจุบันหลายประเทศในยุโรปมีการบังคับให้แยกทิ้งขยะสิ่งทอไม่ให้ปะปนกับขยะประเภทอื่น ๆ ลักเซมเบิร์ก และเบลเยียม คือ 2 ประเทศที่มีการคัดแยกขยะสิ่งทอมากที่สุด ตามมาด้วยเนเธอร์แลนด์และออสเตรีย แต่ละประเทศต่างมีระบบในการบริหารจัดการแตกต่างกันออกไป ทว่าไม่มีประเทศใดสามารถแยกขยะสิ่งทอได้เกินครึ่งของขยะสิ่งทอทั้งหมดที่ถูกทิ้งได้เลย และปัญหาไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงประเทศไหนรวบรวมได้มากเท่าไหร่
.
สำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรปกล่าวปิดท้ายถึงสถานการณ์ขยะสิ่งทอว่า ขยะสิ่งทอเหล่านี้ต้องได้รับการคัดแยกให้ดีขึ้น นำกลับมารีไซเคิลให้ได้มากขึ้น กระบวนการทั้งหมดต้องได้รับการขยาย ไม่เช่นนั้นขยะสิ่งทอปริมาณมากจะยังถูกส่งไปเตาเผาหรือฝังกลบต่อไป หรือไม่ก็จะถูกส่งออกไปนอกยุโรป
.
ประเทศไทยรับมืออย่างไรกับขยะสิ่งทอ
ข้อมูลจากหอสมุดรัฐสภา หัวข้อ ‘เสื้อและสิ่งทอ: ขยะเหลือทิ้งสู่เสื้อผ้ารักษ์โลก’ ทีมงาน Reporter Journey ได้สรุปความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญไว้ดังนี้
.
ประการแรก ผู้ประกอบการไทยจะเผชิญกับความซับซ้อนของเทคโนโลยีการรีไซเคิลสิ่งทอ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีความใหม่ ผู้ประกอบการและรัฐบาลต้องใช้เวลาเรียนรู้ ประการที่สอง ความท้าทายต่อการศึกษากฎระเบียบ และการรองรับมาตรฐานของสิ่งทอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
.
ประการที่สาม ‘ประเทศไทยขาดกระบวนการรวบรวมและคัดแยกสิ่งทอที่เป็นระบบ’ และเสื้อผ้าส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรีไซเคิลได้ท้ังหมด และประการสุดท้ายผลิตภัณฑ์เสื้อผ้ารีไซเคิลในประเทศไทยไม่ได้เป็นที่แพร่หลายมากนักในหมู่ผู้บริโภค
.
สุดท้ายนี้มาตรการและวิธีปฏิบัติต่อสถานการณ์ขยะสิ่งทอในประเทศไทยอาจจะยังไม่ได้เป็นที่ชัดเจนมากนัก
.
เรื่อง: กฤชพนธ์ ศรีอ่วม
Sources
https://www.eea.europa.eu/publications/management-of-used-and-waste-textiles?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR1jNwRwjiz7xB47hXlZ7VYMyqIvBMUlPrW8f28QGzoRNAC_-01lNWAY95E_aem_ZmFrZWR1bW15MTZieXRlcw
