“ระวังให้ดี Tesla! ถ้ายังไม่ปรับตัว-ออกนวัตกรรมใหม่ ๆ สู้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าอื่น ในอนาคตอาจสูญเสียตลาดในสหรัฐฯ และโลก เพราะตอนนี้ยอดขายตก กำไรต่ำ สวนทางกับผู้ผลิตรายอื่น ที่ค่อย ๆ ทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น มีโมเดลใหม่ ๆ มาแข่งมากขึ้น”

ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา Tesla มียอดขายรถยนต์ EV ในสหรัฐอเมริกา ‘มากกว่าทุกแบรนด์รวมกัน’ แต่ตอนนี้กำลังจะไม่เป็นแบบนั้นเสียแล้ว

ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา Tesla ขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ได้ประมาณ 618,000 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ในสหรัฐฯ ในขณะที่แบรนด์อื่น ๆ เมื่อนำยอดขายรวมกันก็ยังไม่เทียบเท่ากับที่ Tesla ทำได้ โดยมียอดขายที่ประมาณ 597,000 คัน จากการรายงานของ Marklines บริษัทที่รวบรวมข้อมูลในอุตสาหกรรมยานยนต์

Tesla ขึ้นแท่นเบอร์ 1 รถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ตั้งแต่การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model 3 ในปี 2018 ทว่าตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่น ๆ เริ่มขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ในไตรมาสแรกของปี 2567 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ลดลง 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สวนทางกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายอื่นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแบรนด์อย่าง Hyundai/Kia มียอดขายเพิ่มขึ้น 56% และ Ford มียอดขายเพิ่มสูงถึง 86% และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ตรงนี้เองที่ Bloomberg วิเคราะห์ว่าตอนนี้ Tesla ‘อาจจะกำลังสูญเสียการเป็นเจ้าตลาดในสหรัฐฯ’ แต่ความยากของการประมาณการคือ Tesla จะรายงานยอดขายเป็นรายไตรมาสเท่านั้น และไม่มีกาจำแนกเป็นภูมิภาค ตอนนี้นักวิเคราะห์ต่างประมาณการการจัดส่งของบริษัทในสหรัฐฯ ทุก ๆ เดือนโดยใช้ข้อมูลการลงทะเบียนของรัฐและรายงานการขายระหว่างประเทศ

‘สเตฟานี่ วัลเดซ’ (Stephanie Valdez-Streaty) ผู้อำนวยการด้านข้อมูลเชิงลึกจาก Cox Automotive ที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้ความเห็นว่า

ถึงแม้ อีลอน มันสก์ จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไปข้างหน้าด้วยรถยนต์ไฟฟ้า แต่ตอนนี้ Tesla มีคู่แข่งอยู่เต็มไปหมด คู่แข่งของเขาต่างออกโมเดลใหม่ ๆ มาสู้ แต่ Tesla ไม่มีเลย’

ทั้งนี้ทั้งนั้น Tesla ก็ยังคงเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ หรือถ้ามองอีกมุมหนึ่งเรื่องยอดขาย Tesla เองก็มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าเบอร์ 2 อย่าง Hyundai/Kia ถึง 5 เท่า นอกจากนี้ Tesla ยังสร้างรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลกอย่าง Model Y และจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าแบรนด์ไหน ๆ

มากไปกว่านั้น Tesla ยังเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก โดยมีบูลค่าบริษัทประมาณ 71,910 ล้านดอลลาร์ จากการรายงาน ‘Kantar BrandZ: Most Valuable Global Brands 2024’ ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง Toyota ประมาณ 2 เท่ากว่า ๆ

บนโลกใบนี้มีบริษัทไม่กี่แห่งที่สามารถ ‘เคลมความเป็นเจ้าตลาด’ ได้ เช่น Apple มี Ipone, Google มี search engine ที่คนใช้แทบทั้งโลก, Nvidia มีชิปสำหรับ Ai และ Gaming และ Tesla ก็มีสถานะคล้าย ๆ กับบริษัทที่ได้กล่าวมา

ในตอนนี้ธุรกิจรถยนต์สร้างรายได้มากกว่า 90% ให้กับ Tesla แต่แบรนด์อื่น ๆ อย่าง Apple, Google หรือกระทั่ง Nvidia มีหลายหลายผลิตภัณฑ์ มีทั้งสินค้าและบริการที่สร้างเม็ดเงินเข้าสู่บริษัท และในขณะที่แบรนด์รถยนต์เจ้าอื่น ๆ กำลังเร่งผลิตนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาแข่ง ประกอบกับข่าวล่าสุดที่หุ้นของ Tesla ร่วงลงกว่า 7% จากการที่กำไรในไตรมาสล่าสุดลดลง 45% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี

สถานการณ์นี้ก็ทำให้ฉุกคิดได้ว่า ถ้า Tesla ยังมีแต่รถยนต์โมเดลคล้าย ๆ เดิม ไม่มีนวัตกรรมใหม่ และไม่มีรูปแบบการหารายได้รูปแบบอื่น ๆ Tesla และบรรดานักลงทุนต่อจากนี้ก็คงจะต้องเหนื่อยกันหน่อย (และต้องระวัง BYD ไว้ให้ด

อ้างอิง: Bloomberg