สปป.ลาว เงินสำรองระหว่างประเทศเหลือน้อย รัฐบาลผุดไอเดียนำทองคำที่มีประมาณ 1,000 ตัน มาซื้อขายแลกเปลี่ยน จัดตั้ง “ธนาคารทองคำ” หวังดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศ ช่วยสร้างความมั่นคงให้ระบบการคลังและการเงิน ด้านประชาชนเจอพิษเงินกีบอ่อนค่าหันไปเก็บทองแทนเงินสด
ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศที่ยืดเยื้อ เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น สกุลเงินต่างประเทศลดน้อยลง รัฐบาล สปป.ลาว จึงเล็งแก้วิกฤตินี้ด้วยการเตรียมเปิดตัว “ธนาคารทองคำแท่งเต็มรูปแบบ” ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อกระตุ้นการซื้อและการลงทุนทองคำท่ามกลางภาวะเงินกีบอ่อนค่าโดยหวังว่าจะทำให้เงินกีบกลับมาแข็งค่าขึ้นได้
ธนาคารทองคำแท่ง Lao Bullion Bank (LBB) เป็นการร่วมกันลงทุนระหว่างรัฐบาล สปป.ลาว และบริษัทในท้องถิ่น โดยธนาคารแห่งนี้มีการเริ่มดำเนินการแล้วบางส่วนในเดือนที่ผ่านมา เช่น การขายและการฝากทองคำ, ซื้อขายทองคำ, วิเคราะห์ความบริสุทธิ์ทองคำ การเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบจะเริ่มในเดือนหน้าที่จะถึงภายใต้การปฏิบัติตามมาตรฐานการซื้อขายทองคำแท่งที่กำหนดโดย สมาคมตลาดทองคำแห่งลอนดอน ซึ่งเป็นสมาคมระหว่างประเทศ
การที่รัฐบาลตัดสินใจจัดตั้ง LBB เป็นเพราะรัฐบาลต้องการใช้ทองคำเป็นเครื่องมือในการเพิ่มปริมาณเงินสำรองในประเทศ (ซึ่งเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ) รัฐบาลเชื่อว่าการนำทองคำสำรองของประเทศที่มีอยู่ประมาณ 500-1,000 ตัน มาใช้ในการนี้จะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับระบบการคลังและการเงินของประเทศ
ณ ตอนนี้ สปป.ลาวพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงและอาหารเป็นอย่างมาก ทำให้รัฐบาลประสบปัญหาการไหลออกของเงินทุนอย่างรุนแรง ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) รายงานว่าเงินสำรองต่างประเทศของลาว ณ เดือนมิถุนายน เหลือราว ๆ 1.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพียงพอที่จะครอบคลุมการนำเข้าได้ประมาณ 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งหากมองตามทฤษฎีแล้วถ้าเงินสำรองระหว่างประเทศเหลือต่ำกว่า 3 เดือนจะถือว่าเป็นปัญหาที่น่ากังวลสำหรับรัฐบาลและประเทศนั้น ๆ
และการมีรัฐบาลมาร่วมทุนครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงดึงดูดแก่นักลงทุน ไม่มากก็น้อย ความเห็นดังกล่าวเป็นของ ‘คุณเคนิชิโร ยามาดะ’ (Kenichiro Yamada) จากสำนักงานองค์การการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นในเวียงจันทน์แสดงความเห็นถึงกรณีการมีรัฐบาลมาหนุนหลังการลงทุน
แม้ว่าของขวัญประเภทแหวนทอง, สร้อยทอง, กำไรข้อมือทอง จะเป็นส่วนสำคัญในพิธีแต่งงานของชาวลาวมาช้านาน แต่ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจปัจจุบัน ประชาชนจำนวนมากก็หันมาซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวมากขึ้น เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสกุลเงินในประเทศที่มีแต่จะอ่อนค่าลงเรื่อย ๆ
ณ ตอนนี้ เงินกีบของลาวอ่อนค่าลงมาแล้วประมาณ 50% เมื่อเทียบกับเงินบาทของไทยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางราคาทองคำที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ตอนนี้เงินกีบที่อ่อนค่าทำให้ราคาสินค้าที่นำเข้ายิ่งสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อในลาวพุ่งสูงถึง 31.2% ในปี พ.ศ.2566 ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
NIKKEI Aisa ยังได้มีโอกาสคุยแม่ค้าสาววัย 22 ปี ซึ่งขายอาหารและของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันในตลาดเวียงจันทน์ เธอกล่าวว่าจนถึงตอนนี้เธอขึ้นราคาสินค้ามาแล้ว 4 ครั้งตั้งแต่ปีที่แล้ว เธอขึ้นราคาไข่เป็นสองเท่าในช่วงปีที่ผ่านมาเป็น 35,000 กีบ (ราว ๆ 54 บาท) สำหรับไข่ 10 ฟอง เนื่องจากราคาอาหารสัตว์ที่นำเข้าจากไทยพุ่งสูงขึ้น
สำหรับใครที่ลงทุนในทองโอกาสนี้อาจจะเป็นโอกาสที่ดีถ้าจะไปซื้อทองซัก 5-6 บาทจากประเทศเพื่อนบ้านของเราในเดือนหน้านี้
อ้างอิง : NIKKEI Asia