ผลวิจัยล่าสุดเผยให้เห็นว่าสถานการณ์ ‘อาร์กติก’ พื้นที่ปกคลุมน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือที่อุ่นขึ้น นอกจากจะทำให้น้ำแข็งละลายมากสุดเป็นประวิติการณ์ ยังทำให้หมีขาว (Polar bear) มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี จากการติดเชื้อไวรัส, แบคทีเรีย หรือแม้แต่ปรสิต
ข้อค้นพบนี้เกิดขึ้นจากการศึกษาตัวอย่างเลือดของหมีขาวจากทะเลชุกชี ที่อยู่ระหว่างอลาสก้าและรัสเซีย โดยนักวิทยาศาสตร์ใช้การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบระหว่าง ‘เลือดหมีขาวที่รวบรวมระหว่างปี 1987-1994’ และ ‘เลือดหมีขาวที่รวบรวมระหว่างปี 2008-2017’
ผลวิจัยจากห้องแล็บพบว่า เลือดของหมีขาวจำนวนมากที่รวมรวมในปี 2008-2017 มีสัญญาณการติดเชื้ออย่างน้อย 1 ชนิดไม่ว่าจะจาก ไวรัส, แบคทีเรีย หรือปรสิต ถึงแม้การติดเชื้อเหล่านี้ไม่อาจเหมารวมได้ว่าสุขภาพของหมีขาวตัวนั้น ๆ จะย่ำแย่ หรือป่วยหนัก แต่ก็เป็นสัญญาณบอกว่าตอนนี้มีบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปทั่วทั้งระบบนิเวศที่อาร์กติก
การทดลองนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์เกิดความสงสัยว่าจะเกิดขึ้นอะไรขึ้นกับบรรดาหมีขาวที่ต้องอพยพตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากการอยู่ในบริเวณที่ ๆ ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ไปอยู่บนพื้นดิน สถานการณ์น้ำแข็งที่อาร์กติกละลายกำลังทำให้สภาพแวดล้อมและระบบนิเวศได้รับผลกระทบจนอาจเปลี่ยนโฉมชีวิตของสัตว์หลายชนิด

เชื้อโรคทั้งห้าชนิด สามารถเรียกรวมกันว่า ‘ตัวการก่อโรค’ โดยตัวการก่อโรคที่พบได้บ่อยในหมีขั้วโลก ได้แก่ ปรสิตชนิดที่ทำให้เกิดโรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) และนีโอสโปโรซิส (Neosporosis) และแบคทีเรียอีก 2 ชนิดที่ทำให้เกิดไข้กระต่าย (Rabbit Fever) และโรคบรูเซลโลซิส (Brucellosis) และไวรัสที่ทำให้เกิดโรคลำไส้อักเสบในสุนัข (Canine Distemper Virus)
นักชีววิทยาสัตว์ป่า ‘ดร.คาริน โร๊ด’ (Karyn Rode) ที่ศึกษาชีวิตของหมีขาวอย่างใกล้ชิด อธิบายถึงสถานการณ์และข้อสังเกตในเหตุการณ์นี้ไว้ว่าการติดเชื้อไม่อาจทำให้หมีขาวตาย ทว่าก็ยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลไม่เปลี่ยนต่อทั้งหมีขาวและระบบนิเวศโดยรอบ
“โดยทั่วไปแล้วหมีขาวมีความทนทานต่อโรคค่อนข้างมากถึงแม้จะติดเชื้ออะไรก็ตาม แต่เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นที่ระบบนิเวศอาร์กติก บ้านของเหล่าหมีขาว”
ดร.โร๊ด ยังอธิบายถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงทางระบบนิเวศที่อาร์กติกที่เธอเน้นย้ำไว้ดังนี้ การติดเชื้อจะต้องมีพาหะ หมีขาวจะไม่ติดเชื้อหากอยู่เฉย ๆ นั่นหมายความว่าหมีขาวเหล่านี้ติดเชื้อจากการรับหรือสัมผัสเชื้อโรคบางชนิดจากเหยื่อที่ล่า เช่นนั้น การพบหมีขาวติดเชื้อเป็นหนึ่งในข้อบ่งชี้ว่าสัตว์สายพันธ์อื่น ๆ ในบริเวณนั้นก็ติดเชื้ออยู่ก่อนแล้วเช่นกัน และนั่นหมายถึงทั้งระบบนิเวศตั้งแต่ดิน น้ำ อากาศ และสัตว์ เป็นห่วงโซ่
สถานการณ์นี้เปรียบเสมือนภัยเงียบที่ค่อย ๆ รอวันปะทุ
ในสหรัฐฯ หมีขาว (หมีขั้วโลก) ถูกจัดประเภทเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่าภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่ออนาคตของหมีขาวคือการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย พื้นที่น้ำแข็งละลายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นพื้นที่ ๆ บรรดาหมีขาวใช้เป็นฐานในการล่าเหยื่อในทะเล
จริง ๆ แล้วมีงานวิจัยก่อนหน้าที่ทดลองโดยใช้กล้องติดปลอกคอกับหมีและดูวิถีชีวิตในแต่ละวันของหมีขาว จากการติดตามอย่างใกล้ชิดแสดงให้เห็นว่า เมื่อหมีขาวต้องใช้เวลาส่วนใหญ่บนบก ในพื้นที่ ๆ ไม่มีน้ำแข็งในทะเลให้ล่าเหยื่อ หมีขั้วโลกจะไม่สามารถหาอาหารได้เพียงพอ จนมาซึ่งการขาดแคลนสารอาหารและแคลอรีที่จำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน หมีเหล่านี้จะผอมลง ภูมิคุ้มกันตก และป่วยง่ายขึ้น
ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่พบไมโครพลาสติกในลมหายใจของโลมา ณ อ่าวซาราโซตา รัฐฟลอริดา มาครั้งนี้พบข้อบ่งชี้ที่ทำให้เห็นว่ามีการติดเชื้อชนิดต่าง ๆ ทั่วทั้งระบบนิเวศที่อาร์กติก ตอนนี้โลกของเราได้ก้าวข้ามจุดที่ไม่อาจหวนกลับได้อีกแล้ว บางที Doomsday Clock อาจไม่ได้หมายถึงจุดสิ้นสุดของโลก แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การเสื่อมโทรมของระบบนิเวศก็เป็นไปได้
ที่มา : bbc
