สรุป : นักวิทยาศาสตร์ พบ ‘ไมโครพลาสติกในลมหายใจของโลมา’ เป็นครั้งแรก สะท้อนปัญหามลพิษที่น่ากังวลมากขึ้นทุกวัน และจากการประเมินทุก ๆ ปีจะมีขยะพลาสติกเกือบ 2 ล้านตันลงเอยในมหาสมุทรทั่วโลก และอนุภาคพลาสติกต่าง ๆ ก็จะเข้าสู่ปอดและร่างกายสัตว์น้ำผ่านการหายใจ


แทบจะกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วเมื่อนักวิทยาศาษสตร์ตรวจพบ ‘อนุภาคพลาสติก’ ในแทบจะทุก ๆ ที่ ไม่ว่าจะในตัวปลา บนก้อนเมฆ บนเทือกเขาเอเวอเรสต์ ในหิมะที่อาร์กติก ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาตรวจเจออนุภาคพลาสติกขนาดเล็กใน ‘ลมหายใจของโลมา’

ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ PLOS ONE ชี้ให้เห็นว่าตอนนี้ขยะพลาสติกได้แพร่กระจายไปแทบจะทั่วทุกระบบนิเวศ ฝังตัวในพื้นดิน ลอยอยู่ในอากาศ ในมหาสมุทร ในทุก ๆ ปีจะมีขยะพลาสติกเกือบ 2 ล้านตันลงเอยในมหาสมุทรทั่วโลก

ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการหายใจอาจเป็นช่องทางที่ทำให้โลมาและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวอื่น ๆ ในทะเลได้รับอนุภาคพลาสติกขนาดเล็ก (ไมโครพลาสติก) เข้าไปในร่างกาย ซึ่งอนุภาคพลาสติกขนาดเล็กเหล่านี้จะเข้าไปก่อความเสียหายกับเซลล์ในร่างกายของสัตว์นั้น ๆ

ผู้อำนวยการศูนย์สิ่งแวดล้อมชายฝั่งและสุขภาพมนุษย์แห่งวิทยาลัยชาร์ลสตัน ‘เลสรี่ ฮาร์ท’ (Leslie B. Hart) ซึ่งเป็นผู้นำการวิจัยในครั้งนี้แสดงความกังวลต่อการพบไมโครพลาสติกในลมหายใจโลมาไว้ดังนี้

“เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพลาสติกก่อให้เกิดมลพิษเพียงใด เรามีพลาสติกอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่มีที่ไหนปลอดภัย ไม่มีที่ไหนจะหนีจากไมโครพลาสติกได้”

ไม่ใช่แค่เพียงสัตว์ในท้องทะเลเท่านั้น สัตว์ประเภทอื่น ๆ ก็หายใจเอาพลาสติกเข้าไปเช่นกันถึงแม้จะยังมีการศึกษาที่ไม่มากนัก เมื่อปี พ.ศ.2566 นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นตรวจพบไมโครพลาสติกในปอดของนกชนิดหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีการประเมินว่าแม้แต่มนุษย์เอง ก็สูดดมหรือกินไมโครพลาสติกเข้าไปมากกว่า 100,000 อนุภาคต่อปีจากอาหาร น้ำที่บริโภค หรือแม้แต่จากอากาศที่หายใจเข้าไป

ทว่าสัตว์อย่างโลมากำลังจะกลายเป็นหัวข้อในการวิจัยทั่วโลกในประเด็นเรื่องมลพิษและไมโครพลาสติก เนื่องจากโลมาเป็นสัตว์ที่มีอยู่ทุกภูมิภาคของโลก พบเห็นได้ทั่วไป หรือแม้แต่ชายฝั่งที่มีประชากรหนาแน่นก็สามารถพบเห็นโลมาได้ ด้วยการนี้เองทำให้โลมาเป็นตัวบ่งชี้ถึงการสัมผัสกับมลพิษและภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อม

การศึกษาในครั้งนี้ ดร.เลสรี่ ฮาร์ท และนักชีวเคมี ‘มิแรนดา ดิซิโอบัก’ (Miranda K. Dziobak) ได้เก็บตัวอย่างลมหายใจที่ออกมาจากโลมาปากขวด 11 ตัวในอ่าวซาราโซตา รัฐฟลอริดา และอ่าวบาราทาเรีย รัฐหลุยเซียนา ทีมวิจัยของดร.เลสรี่ ร่วมมือกับโครงการวิจัยโลมาของสวนสัตว์บรู๊คฟิลด์ ชิคาโก ซึ่งเป็นโครงการที่ทำการศึกษาสุขภาพของโลมาเป็นประจำอยู่แล้ว การทดสอบครั้งนี้ทีมวิจัยใช้วิธีเก็บตัวอย่างทางอากาศ วางจานเพาะเชื้อไว้เหนือรูหายใจของโลมาแต่ละตัวขณะที่โลมาหายใจออก


การตรวจลมหายใจของโลมาในครั้งนี้มีเพื่อหาสารอันตรายที่เรียกว่า ‘พทาเลท’ (phthalates) สารเคมีที่จะส่งผลกระทบต่อต่อมไร้ท่อ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์ แต่สำหรับสัตว์อย่างโลมาในอ่าวซาราโซตา ความร้ายแรงนี้จะส่งผลกระทบในระดับที่สูงกว่าในมนุษย์มาก มลพิษจากพลาสติกอาจเป็นแหล่งที่มาของสารดังกล่าว

และจากผลการวิเคราะห์ ไม่เพียงแต่ทีมของ ดร.เลสรี่ จะพบอนุภาคไมโครพลาสติกในลมหายใจของโลมาแล้ว พวกเขายังตรวจพบอนุภาคของโพลีเมอร์พลาสติกหลายประเภท เช่น โพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (Polyethylene terephthalate : PET ), โพลีเอสเตอร์ (Polyester) โพลีเมอร์ที่นิยมใช้กันมากที่สุดในเสื้อผ้า ฯลฯ

การตรวจพบอนุภาคเหล่านี้ นักชีวเคมี ดร.มิแรนดา แสดงความเห็นว่าอาจเป็นเพราะน้ำได้รับการปนเปื้อนจากการซักผ้า

“เมื่อคุณซักผ้า เสื้อผ้าของคุณจะปล่อยเส้นใยพลาสติกขนาดเล็กออกมาเป็นล้าน ๆ เส้น และสิ่งที่ยุ่งยากเกี่ยวกับเส้นใยเหล่านี้ก็คือ มันมีขนาดที่เล็กมาก และน้ำหนักเบามาก มันจึงสามารถล่องลอยไปในน้ำและในอากาศได้อย่างง่ายดาย”

“และจากนั้นโลมาก็จะสัมผัสกับเส้นใยพลาสติกเหล่านี้จากการหายใจบนผิวน้ำ พวกมันหายใจเอาพลาสติกเข้าไป” ดร.เลสรี่ กล่าวเสริม

ผลการค้นพบดังกล่าวยังสร้างความน่ากังวลให้กับศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลจากวิทยาลัยเอคเคิร์ดในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัฐฟลอริดา เนื่องจากพายุเฮอริเคนที่พึ่งพัดถล่มอ่าวฟลอริดาจะทำให้น้ำทึ่ยังไม่ได้รับการบำบัดและปนเปื้อน ไหลลงสู่มหาสมุทรและก่อมลพิษแก่สัตว์น้ำมากยิ่งขึ้น และนั่นหมายถึงอนุภาคไมโครพลาสติกที่มากขึ้นตาม

ทีมวิจัยของ ดร.เลสรี่ จะมุ่งเน้นโครงการวิจัยต่อไปโดยศึกษาลงลึกถึงอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผลกระทบจากไมโครพลาสติกที่เกิดขึ้นกับโลมา โดยอธิบายว่า

“โลมาจะกลั้นหายใจเพื่อไล่ล่าเหยื่อใต้น้ำและมีความจุปอดที่มาก และด้วยเหตุนี้ เราจึงคิดว่าโลมาอาจได้รับไมโครพลาสติกในอากาศในปริมาณที่สูงกว่ามนุษย์”

แล้วคนทั่วไปอย่างเรา ๆ สามารถช่วยอะไรได้บ้างกับเรื่องนี้ ? บางทีอาจจะช่วยได้ง่าย ๆ แค่เพียงลดปริมาณพลาสติกที่ใช้และทิ้ง แต่ให้นำกลับมาใช้ใหม่บ่อย ๆ หรืออาจจะหลีกเลี่ยงการซักผ้าด้วยน้ำร้อน เพื่อไม้ให้เส้นใยพลาสติกในเสื้อผ้าหลุดออกมา ทีมนักวิทยาศษสตร์แนะนำเช่นนี้

ที่มา : The New York Times
ภาพ : The New York Times