ความน่ารักของ “เอวา” เสือโคร่งสีทอง หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เสือโคร่งสตรอว์เบอร์รี” ที่กลายเป็นดาวเด่นของสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จากกายภาพภายนอกที่ดูน่ารักกว่าเสือโคร่งทั่วไป ที่ดูอ่อนโยนละมุนตา สีของลวดลายบนตัวที่ดูอ่อนกว่าปกติ ประกอบกับพฤติกรรมตามธรรมชาติที่แตกต่างจากเสือโคร่งอื่นๆ ที่ดูแสนเชื่อง และเป็นมิตรกับมนุษย์ ทำให้เอวากลายเป็นดาวเด่นบนโลกออนไลน์เพียงชั่วข้ามคืน จากการที่ทางสวนสัตว์ได้ปล่อยภาพถ่ายสุดน่ารักออกมา จนตกหัวใจมนุษย์ที่ได้เห็นรูปในเกือบทันที
แต่ความน่ารักของเสือโคร่งสีทองในสายตามนุษย์ กำลังเป็นภาพสะท้อนสภาวะความผิดปกติของพันธุกรรมสัตว์ป่าตามธรรมชาติทำกำลังเผชิญกับความหลากหลายที่ลดลง และการพยายามเข้าควบคุมธรรมชาติของมนุษย์ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่า
ในธรรมชาติโอกาสที่จะเกิดเสือโคร่งสีทองนับว่ามีน้อยมาก อาจมีเพียงแค่ 50 – 100 ตัว เนื่องจากเสือโคร่งมีอาณาเขตการล่าที่กว้างใหญ่ และกระจายตัวออกไป ทำให้การที่มันจะผสมพันธ์ุกันเองในสายเลือดค่อนข้างต่ำ
แต่ก็มีบางกรณีทีเสือโคร่งสีทองอาจจะผสมพันธ์ุกันเองในกลุ่มเครือญาติในธรรมชาติ เช่น ในอุทยานแห่งชาติคาซิรังกา (Kaziranga National Park) รัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย ที่มีช่างภาพสัตว์ป่า “กุราฟ รามนารายัน” ได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
สำหรับสาเหตุของการมีสีและลายที่แตกต่างของเสือโคร่งสีทองที่แตกต่างจากเสือโคร่งทั่วไป เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน ‘Wideband’ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างผลิตฟีโอเมลานิน Pheomelanin ที่สร้างเม็ดสีเหลืองอมแดง ถูกกดเอาไว้ในระหว่างที่ขนเจริญเติบโตทำให้ขนของมันมีสีขาวหรือครีมแทนที่สีส้ม การกลายพันธุ์ได้ไปยับยั้งการสร้างสีของขนตามปกติ กล่าวอย่างง่ายคือ พวกมันสร้างสีขนปกติได้ไม่เต็มที่ในขณะที่ลายดำบนตัวของมันยังคงมีอยู่
โดยปกติแล้วเสือขาวจะมีลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นโรคทางพันธุกรรม เช่น การมองเห็นไม่ดีหรือปัญหาสุขภาพบางอย่าง เนื่องจากการผสมพันธุ์แบบเลือดชิด (Inbreeding) เพื่อรักษาลักษณะเฉพาะของสีขาวไว้ โดยการผสมพันธุ์ในเสือขาวนั้นมักจะทำในกรงขังเพื่อให้ได้ลักษณะที่ต้องการ แต่ก็มีผลข้างเคียงทางสุขภาพต่อสัตว์เหล่านี้พ่วงมาด้วย เช่นเดียวกับมนุษย์ที่มีผิวเผือกที่มักมีโรคอื่นๆ ตามมาด้วย
ซึ่งโอกาสที่เสือโคร่งสีทองจะปรากฎได้ง่ายนั้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในสวนสัตว์มากกว่า เนื่องจากเป็นสถานที่ปิดที่ไม่ได้มีความหลากหลายทางชีวภาพตามธรรมชาติ และการผสมพันธ์ุของเสือก็มักจะผสมกันเองในกลุ่มเครือญาติ ทั้งแบบที่ผสมพันธ์ุกันตามวิธีปกติ หรือการถูกมนุษย์กำหนดให้ทำ
อันที่จริงลักษณะสีทองอ่อนสวยงามของเสือโคร่งสีทอง ทำให้มันกลายเป็นที่ต้องการในสวนสัตว์ต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงในสวนสัตว์หรือแม้แต่การเก็บรักษาพันธุ์นี้ให้คงอยู่
ทว่าผลจากการกระทำของมนุษย์ที่พยายามจะควบคุมธรรมชาติ กลายเป็น “ดาบสองคม” ที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นธรรมชาติและคุณภาพชีวิตของสัตว์เหล่านี้ การผสมพันธุ์เพื่อให้ได้ลักษณะตามที่ต้องการ แม้จะทำให้เกิดเสือโคร่งสีทองที่มีความสวยงามและเป็นที่นิยม แต่ก็สร้างปัญหาที่ไม่อาจละเลยได้ในเรื่องของสุขภาพและความเป็นอยู่ของสัตว์
อีกอย่างการที่เสือโคร่งมีสีที่ผิดไปจากปกติ ทำให้ความสามารถในการอำพรางตัวเพื่อล่าเหยือยิ่งทำได้ยากมากขึ้น และทำให้มันอาจสูญเสียความสามารถในการล่าเหยื่อเพราะไม่สามารถหลบเลี่ยงการมองเห็นของเหยื่อได้ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการขยายพันธ์ุของเสือ และเสือสีทองส่วนใหญ่จะเกิด เติบโต และถูกเลี้ยงโดยมนุษย์ นั่นเท่ากับมันได้สูญเสียสัญชาตญาณพื้นฐานในการตำรงชีวิตของมันไปเรียบร้อย และไม่สามารถดำรงอยู่ตามธรรมชาติได้อีกต่อไปหากวันหนึ่งมันจะต้องกลับคืนสู่ป่าที่เป็นบ้านของมันจริงๆ
ในความน่ารักในสายตามนุษย์นั้น อาจซ่อนปัญหาของความสมดุลหลากหลายทางชีวภาพที่กำลังถูกทำลายลงเรื่อยๆ ก็เป็นได้
