“เพื่อสังเกตุการณ์ เราต้องใช้สายลับที่ดูเหมือนสัตว์ที่นี่”
“อีกัวน่าสายลับ หมึกสายลับ นกอินทรีย์หัวขาวสายลับ ปูสายลับ กล้องหินสายลับ….”
ภาพสัตว์โลกขนาด Close Up ที่สะกดสายตา กับเสียงทุ้มใหญ่น่าฟังของ ‘อาโอ๊ต จักรกฤษณ์ หาญวิชัย’ นักพากษ์แนวหน้าของเมืองไทย ยิ่งทำให้คนดูอย่างเรา ๆ เหมือนต้องมนต์ของธรรมชาติอันอัศจรรย์ พลางคิดว่าภาพที่เห็นตรงหน้า ตัวไหนคือหุ่นยนต์กันแน่ เขาใช้หุ่นยนต์จริง ๆ หรือ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เชื่อได้ว่าหลายคนคงได้ยินหรือเห็นภาพของสารคดีที่ส่งหุ่นยนต์เข้าไปอยู่คลุกคลีกับสัตว์ป่ากันมาบ้างไม่มากก็น้อย และไม่นาน ทั้งคลิปและเสียงพากษ์ก็กลายเป็นไวรัลในสื่อสังคมออนไลน์ไปชั่วขณะหนึ่ง
สารคดีดังกล่าวมีชื่อว่า Spy In The Ocean เป็นสารคดีของ BBC Natural History ที่ร่วมผลิตกับ John Downer Production บริษัทที่เชี่ยวชาญในการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับสัตว์ป่าที่นำผู้ชมเข้าสู่โลกของสัตว์ ผ่านการใช้กล้องสอดแนม ที่ทำให้คนดูเสมือนเข้าเข้าไปอยู่ในชีวิตของสัตว์นั้น ๆ และเห็นโลกของพวกมันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งนอกจากจะมีสารคดี Spy In The Ocean ยังมี Spy In The Wild และ In The Snow อีกด้วย
สมัยที่ยังเป็นเด็กเราอาจได้มีโอกาสดูสารคดีสัตว์โลกมาบ้างผ่านจอโทรทัศน์ที่คนที่บ้านเปิดทิ้งไว้ แต่รู้หรือไม่จากงานวิจัย การดูสารคดีสัตว์อาจเป็นมากกว่าแค่การสร้างความบันเทิง แต่กำลังทำให้เราเป็นเพื่อนมนุษย์ที่ดีขึ้น
.
ทำไมเราถึงดูสารคดีสัตว์
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งในปี 2017 โดยศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ‘Dacher Keltner’ ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (University of California Berkeley) ได้ทำการศึกความเชื่อมโยงระหว่างบรรดาสารคดีธรรมชาติ (ไม่ว่าจะเป็นสารคดีสัตว์ป่า หรือ สารคดีที่เกี่ยวกับการรักษาสัตว์) กับผลที่เกิดขึ้นกับอารมณ์ของผู้ชมที่จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 7,500 คน
ผลการศึกษาพบว่าการชมรายการลักษณะนี้ จะช่วยสอนให้สมองของเราเรียนรู้ที่จะมีความสุข ลดความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น ความวิตกกังวล ความเครียด ความกลัว ฯลฯ แม้จะดูแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม ศาสตราจารย์ Keltner อธิบายถึงผลการวิจัยเพิ่มเติมว่า
“เราพบการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ซึ่งเป็นผลจากการรับชมรายการสารคดีธรรมชาติ นอกจากสารคดีเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ชมจัดการความเครียดได้ดีขึ้น มันยังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของผู้คน หากคน ๆ นั้นเดิมทีเป็นคนเกรี้ยวกราด ขึงขัง พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะแสดงพฤติกรรมเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและมีน้ำใจมากขึ้น”
กล่าวคือ สารดคีที่เกี่ยวกับสัตว์โลกกำลังทำให้มนุษย์จะแสดงพฤติกรรมเชิงบวกกับผู้อื่นมากขึ้น มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น ผลการศึกษาข้างต้นยังเป็นแรงบรรดาลใจให้ BBC ก่อตั้งโครงการ The Real Happiness Project โครงการที่ฉายสารคดีสัตว์โลกความยาวกว่า 10 ชั่วโมง บนยูทูป
.
อีกมุมหนึ่งของธุรกิจสารคดีสัตว์โลก
แน่นอนว่าการดูสารคดีสัตว์นอกจากจะช่วยในเรื่องของสุขภาพจิต ช่วยให้เราเป็นเพื่อนมนุษย์ที่ดีขึ้น ช่วยผ่อนคลายความเครียด และยังจะช่วยให้เราได้รับความรู้เกี่ยวกับสัตว์นั้น ๆ เกี่ยวกับธรรมชาติ แต่ในอีกมุมหนึ่งที่ไม่คาดคิด ธุรกิจนี้บ้างก็ถูกตั้งคำถามว่าเป็นการสร้าง Bias ต่อสัตว์บางชนิด และเป็นการขูดรีดทรัพยากรณ์โดยมีเพียงคนกลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์
มีบทความหนึ่งจาก Medium เขียนโดย Ruth Campbell ที่กล่าวอ้างตัวเองว่าเป็น Producer รายการสารคดีสัตว์ป่าที่ทำงานมามากกว่า 10 ปีในอุตสาหกรรมนี้ เธอวิพากษ์งานของเธอเองว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เธอทำคือการบุกรุกไปในพื้นที่ธรรมชาติซักแห่งบนโลก และบันทึกภาพ เก็บภาพจากพื้นที่นั้น ๆ เพื่อนำมาตัดต่อและขายสู่สาธรณะชน สุดท้ายก็มีเพียงเธอและบริษัทที่ได้กำไรจากการกระทำนี้ แต่พื้นที่ที่ถ่ายภาพมา เก็บภาพมา ก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไร
และจะมีเพียงบริษัทของเธอที่กล่าวอ้างลิขสิทธ์ในสารคคดีที่เผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่เธอและบริษ้ทไม่ได้เป็นเจ้าของสิ่งที่อยู่ในภาพนั้น ๆ เลย กระบวนการนี้จะถูกเครื่องจักรผลิตซ้ำไปเรื่อย ๆ (Mechanical reproduction)
หรืออย่างงานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร British Ecology Society ที่ทำงานวิเคราะห์ตัวบทสารคดีสัตว์โลกกว่า 105 ขิ้น ก็พบว่าส่วนใหญ่แล้วสารคดีจะนำเสนอแค่ภาพของป่าเขตร้อน (พบมากสุด) และมหาสมุทรลึก (พบน้อยสุด) และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เมื่อเวลาผ่านไป กล่าวคือจะมีแค่การนำเสนอภาพเดิม ๆ ไม่ว่าจะซีรีส์ไหน ก่อให้เกิดการ Bias ต่อการนำเสนอภาพของสถานที่ Bias ต่อการนำเสนอภาพของสัตว์เพียงบางชนิด
ต้องยอมรับว่าในประเทศที่เจริญแล้วมีแง่มุมที่คนไทยอย่างเรา ๆ คาดไม่ถึงให้ศึกษา วิพากษ์และอภิปรายอีกมากจริง ๆ
.
สุดท้ายนี้ถ้าคุณผู้อ่านไม่รู้จะเปิดอะไรดูเพื่อไม่ให้ห้องเงียบขณะทำกิจกรรมอื่น ๆ
ผู้เขียนขอฝากสารดีสัตว์ไว้ให้คุณผู้อ่านพิจารณา เพื่อให้เราเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น
เผื่อใครขับรถผิดเลนส์มาปาดหน้าจะได้ไม่ไปตามเอาคืน…
.


