เป็นเวลานานกว่าหลาย 10 ปีที่ ‘Soft Power’ หรือ ‘อำนาจอ่อน’ ของอเมริกา ช่วยผลักดันให้สินค้าและแบรนด์สัญชาติอเมริกันกล้าที่จะออกไปทำตลาดต่างประเทศ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่กำแพงเบอร์ลินพังทลายลง เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดซึ่งครามเย็น รถบรรทุกที่มีโลโก้ ‘โคคา-โคล่า’ ก็ปรากฎตัว ณ เบอร์ลินตะวันออกและทำภารกิจแจกจ่ายน้ำดำให้กับฝูงชนที่มารวมตัวกัน ในตอนนั้นยอดขายของโคคา-โคล่าพุ่งกระฉูด เนื่องจากผู้บริโภคที่เคยถูกปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ต่างพากันดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสุดซ่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งทุนนิยมอเมริกันอย่างกระตือรือร้น

ทว่า ณ เวลานี้ เสน่ห์ของ Soft Power อเมริกาอาจสิ้นมนต์ขลัง มีรายงานว่าเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้บริโภคชาวเดนมาร์กเลือกที่จะเมิน ‘โคคา-โคล่า’ และหันไปบริโภคแบรนด์ท้องถิ่นในประเทศอย่าง Jolly Cola แทน เหตุการณ์นี้ผู้บริหาร Jolly Cola อาจต้องหอบหิ้วเอาดอกไม้ขึ้นเครื่องบินไปขอบคุณ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ที่ช่วยให้คนเดนมาร์ก (และคนทั่วโลก) พากันอุดหนุนแบรนด์ในบ้านตัวเอง เมินสินค้าจากอเมริกา
ใช่แล้ว เพราะตั้งแต่การกลับมาดำรงตำแหน่งของทรัมป์นี่แหละที่ทำเอาภาพลักษณ์และ Soft Power ของอเมริกาแย่ลง ไม่ว่าจะเหตุจากเรื่องของสงครามการค้า กำแพงภาษี และแนวคิดสุดโต่งต่าง ๆ นา ๆ ของพ่อใหญ่ทรัมป์
จากการสำรวจโดยบริษัท Nira Data (บริษัทวิจัยที่ทำผลสำรวจด้านประชาธิปไตยที่เราเห็นในข่าวอยู่บ่อยๆ) ออกมาเปิดเผยว่าจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างกว่า 100,000 คน จาก 100 ประเทศทั่วโลกเมื่อเดือนเมษายน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ‘มีความคิดเห็นเชิงลบต่ออเมริกา’ มากกว่าผู้ที่มีความคิดเห็นในเชิงบวก ซึ่งถือว่าเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากปีก่อนสมัยที่อเมริกามี ‘โจ ไบเดน’ เป็นผู้นำประเทศ และอเมริกาเป็นรองแค่จีนประเทศเดียวในด้านภาพลักษณ์ที่แย่
ไม่ใช่แค่ผลสำรวจจากบริษัทเดียวที่ออกมายืนยันภาพลักษณ์อันย่ำแย่ของอเมริกา เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีผลสำรวจที่จัดขึ้นที่แคนาดาเช่นกัน (ประเทศที่ถูกทรัมป์หมายตาอยากให้มาเป็นรัฐที่ 51) ผลสำรวจเผยให้เห็นว่าประชาชนชาวแคนาดากว่า 61% กำลังคว่ำบาตรสินค้าและผลิตภัณฑ์จากอเมริกา ไม่ใช่แค่ภาคประชาชนที่ออกมา Take Action แต่ในระดับรัฐบาลท้องถิ่นก็มีมูฟเม้นเหมือนกัน เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัด ‘ออนแทรีโอ’ และ ‘ควิเบก’ สองจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดา ได้มีการสั่งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตจากอเมริกา เช่น แจ็ค แดเนียล
ตอนนี้หลาย ๆ บริษัทที่ติดธงอเมริกันเริ่มเผชิญกับความเสี่ยงทางธุรกิจมากขึ้น จากผลสำรวจเมื่อเดือนมีนาคมโดยธนาคารกลางยุโรปเผยให้เห็นว่า ประชาชนยุโรปพร้อมที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าจากเดิมและเต็มใจอย่างมากที่จะเมินสินค้าอเมริกา และหันไปใช้สินค้าจากประเทศอื่น โดยไม่สนใจเรื่องราคา
(การประเมินวัดด้วยคะแนน 0-100 ยิ่งใกล้ 100 แปลว่าเต็มใจมากที่จะเปลี่นไปใช้สินค้าประเทศอื่น ชาวยุโรปมีค่าเฉลี่ยคำตอบข้อนี้สูงถึง 80 คะแนน)
ต้องยอมรับว่าจากเดิมที่หลาย ๆ แบรนด์ที่บุกตลาดโลกด้วยความภูมิใจว่าผลิตภัณฑ์ของฉัน MADE IN USA แต่ตอนนี้การมีธงชาติของอเมริกาติดที่แบรนด์อาจกลายเป็นภาระและภาพพจน์ที่ไม่ดีสำหรับแบรนด์ไปเสียแล้ว ดูท่าแล้ว Soft Power ที่อเมริกาสร้าง สอดแทรกผ่านภาพยนต์ และผลิตซ้ำมาหลายปีให้ชาติอื่น ๆ หลงรักจะเสื่อมมนต์ขลังเพราะ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เสียแล้ว
Make America Great Again
.
ที่มา The Economist
ใที่มา ธ
