กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผย 3 เดือนแรกของปี 2568 ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มมีการจดทะเบียนจัดตั้งกิจการใหม่ 973 ราย ลดลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยหากประเมินทั้งปี กรมพัฒนาธุรกิจการค้าคาดว่าร้านอาหารและเครื่องดื่มทั่วประเทศอาจมีมากถึง 690,000 ร้าน
แต่หากประเมินจากสถานการณ์เศรษกิจปัจจุบัน จากทั้งการที่เศรษฐกิจไทยเติบโตชะลอลงจนกระทบกำลังซื้อของผู้บริโภค กระทบภาวะการมีงานทำของคน และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ปราศจากซึ่งสัญญาณฟื้นตัว จะทำให้ธุรกิจร้านอาหารในปีนี้เติบโตลงลง ด้วยการณ์นี้เองที่ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกมาเตือนผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการหน้าใหม่อาจต้องระมัดระวัง
คือตอนนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มมีมากจริง ๆ แม้ 3 เดือนแรกของปีจะมียอดจดทะเบียนน้อยลง แต่ก็ยังถือว่าเยอะอยู่ดีหากมองในภาพรวม โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยชวนให้จับตาดูกระแสที่กำลังเกิดขึ้นในไทย สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
- ร้านอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น เรื่องนี้สังเกตง่ายมากขอแค่ลองมองรอบ ๆ ร้านอาหารรอบตัวก็พอจะสังเกตได้ โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ที่เข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น ซึ่งการเข้ามาทำตลาดในไทยมี 2 รูปแบบ คือ 1.ร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทย 2.ซื้อแฟรนไชส์และเข้ามาบริหาร
ยังมีข้อมูลสำคัญที่สะท้อนถึงการไหลเข้ามาของการลงทุนร้านอารจากต่างชาติในไทยคือ ‘ทุนจดทะเบียน’ ไตรมาสแรกของปี 2568 มูลค่าทุนจนทะเบียนธุรกิจร้านอาหารของชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นกว่า 542 ล้านบาทจากมูลค่าสะสมตอนสิ้นปี 2567 และแน่นอน จีน ยังคงเป็นเบอร์ 1 ลงทุนในกิจการร้านอาหารในไทย
- ร้านอาหารกลุ่มราคาระดับกลาง-บน (Premium Casual) จับกลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อสูง ร้านอาหารกลุ่มนี้จะมีราคาเฉลี่ย 500 บาท/จาน ขึ้นไป ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการหันมาเปิดกันมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงตลาด Mass เน้นกลุ่มลูกค้าทีมีกำลังซื้อ ครอบครัว และวัยทำงานที่มองหาประสบการณ์การทานอาหารคุณภาพสูง
- ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเผชิญความเสี่ยงด้านต้นทุนดำเนินการที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งค่าแรง ทั้งค่าเช่าที่ ด้วยหลายปัจจัย เช่น นโยบายกำแพงภาษีของทรัมป์ที่ทำให้สินค้าบางประเภทอาจขาดตลาด ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น หรือแม้แต่เมล็ดกาแฟที่เคยปรับตัวสูงขึ้นก่อนที่จะลดลงมาบ้างจากการที่ได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ
- พฤติกรรมผู้บริโภคกำลังซับซ้อนมากขึ้น ซ้ำยังมาพร้อมมาตรฐานใหม่ ๆ ในใจผู้บริโภค ยุคสมัยนี้ผู้บริโภคต่างให้ความสำคัญกับความแปลกใหม่ ประสบการณ์ คุณภาพ สุขภาพ และราคาที่สมเหตุสมผล องค์ประกอบเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการท่ามกลางยุคสมัยที่ผู้คนมีความจงรักภีคดีต่อแบรนด์ต่ำ ดังนั้นถ้าแบรนด์ไหนมอบสิ่งเหล่านี้ผ่านสินค้าและบริการให้ผู้บริโภคได้ จะทำให้แบรนด์ได้เปรียบ
สรุปแล้วตอนนี้ทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ก็จริงอยู่ที่ใคร ๆ ก็สามารถลุกขึ้นมาทำได้ แต่จะอยู่รอดอย่างไรนี่คือเรื่องยาก และยิ่งกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยตอนนี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่างที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกมาเตือน
.
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (2568), ธุรกิจร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มปี 2568 คาดโตแค่ 2.8% เศรษฐกิจซบกระทบการใช้จ่าย ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเสี่ยงไม่โต.