แจ็คพอตแตก ! มีคนถูกรางวัล Powerball ที่อเมริกา มูลค่า 57,326 ล้านบาท โอกาสถูก 1 ใน 292 ล้าน

Breaking News: แจ็คพอตแตก ! มีคนถูกรางวัล Powerball ที่อเมริกา มูลค่า 57,326 ล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีชั่วข้ามคืนจากการลงทุนซื้อตั๋วเพียง 65 บาท โอกาสถูก 1 ใน 292 ล้าน แถมครั้งนี้ไม่ได้ถูกคนเดียว ถูก 2 คนพร้อมกัน !

เมื่อคืนนี้ที่มิสซูรีและเท็กซัส พึ่งมีคนโชคดีสุด ๆ หลังมีผู้โชคดี 2 คนถูกรางวัล Powerball (คล้าย ๆ หวยรางวัลใหญ่) คว้าเงินรางวัลมูลค่า 1,787 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 57,326 ล้านบาท ! กลายเป็นมหาเศรษฐีชั่วข้ามคืน

หมายเลขรางวัลที่ออกครั้งนี้คือ ลูกบอลสีขาวหมายเลข 11, 23, 44, 61, 62 และ Powerball สีแดงหมายเลข 17 ตัวคูณ Power Play® คือ 2

ซึ่งมูลค่ารางวัล 1,787 พันล้านดอลฯ นี้ถือเป็นรางวัลที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ที่ Powerball เก็บสถิติมา (อันดับที่ 1 ที่เคยได้รับรางวัลคือ 2 พันล้านดอลฯ) และเมื่อมีผู้ถือตั๋วโชคดีถูกรางวัลขึ้นมาพร้อมกัน 2 คนแบบนี้ทาง Powerball ก็จะทำการแบ่งรางวัลกันจากยอด 57,326 ล้านบาท เท่ากับว่าได้กันไปคนละราว ๆ 28,663 ล้านบาท โดยผู้ถูกรางวัลยังสามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินก้อนไปเลยทีเดียว หรือรับก่อนแค่ครึ่งหนึ่งในปีนี้เพื่อได้รับดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีต่อ ๆ ไปจากยอดเงินที่ยังไปขอขึ้นได้ (ภายใต้การแบ่งจ่ายอีก 29 ครั้ง)

(จริง ๆ ถ้าผู้เขียนถูกรางวัลบ้างจะขอรับเลยทีเดียวเลยดีกว่า)

รางวัลที่พึ่งแตกไปถือเป็นการจับรางวัลครั้งที่ 42 ถ้าคุณผู้อ่านอยากจะเป็นมหาเศรษฐีบ้างในการจับรางวัลครั้งที่ 43 ก็สามารถหาซื้อตั๋วรางวัลได้ในราคา 2 ดอลลาร์ หรือราว 65 บาท เท่ากับว่าลงทุนหลัก 10 ได้เงินกลับมาหลักหมื่นล้าน แต่ก็ต้องเป็นคนที่เกิดมากับดวงจริง ๆ เพราะทาง Powerball รายงานว่าคนที่จะถูกรางวัลแจ็กพอตนี้ได้คือ 1 ใน 292 ล้าน

ทำความรู้จัก Powerball 2 ดอลลาร์พลิกชีวิต

หวยไทยราคา 80 บาท ก็ว่าหายากแล้ว แล้วถ้าคิดชวนฝันอยากถูกสักใบกับรางวัลเต็งตรง 6 หลัก เพื่อให้ได้เงิน 6 ล้านบาทมา ก็ถือว่าคุ้มค่า แม้ว่าเราๆส่วนใหญ่อาจจะถูกบ้าง ถูกกินบ้าง แต่สลากกินแบ่งของไทย ก็ถือว่าเป็นการสร้างความบันเทิงในชีวิต และพลิกชีวิตคนได้ในชั่วข้ามคืนเช่นกัน

เพียงแค่วันนี้ผมจะมานำเสนอรูปแบบของหวยพี่แซม หรือ US Powerball ที่ลงทุนน้อยกว่าเพียง $2 หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 65 บาท (ค่าเงิน ณ วันที่ 7 กันยายน 2568)

แต่ถ้าถูกรางวัลใหญ่รอบนี้ ชีวิตก็อาจจะเป็นดังมหาราชาในชั่วข้ามคืน เพราะคุณ จะได้เงินรางวัลสูงสุดตลอดกาลถึง 1,900 ล้านเหรียญสหรัฐ

และสิ่งสำคัญคือ คนที่สามารถเสี่ยงโชคได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนสหรัฐฯเท่านั้น เพราะโอกาสการเป็นมหาเศรษฐีสามารถซื้อได้ผ่านทางช่องทางออนไลน์ สำหรับทุกคนบนโลกใบนี้

แต่สำหรับคนสหรัฐฯเองที่อยากจะเสี่ยงโชคขอแค่มีอายุอย่างน้อย 18 ปี หรือ 21 ปีในบางรัฐ ก็สามารถเสี่ยงโชคพลิกชีวิตได้เช่นกัน ขออย่างเดียวรีบซื้อและจับจองโอกาสการเป็นเศรษฐีกันให้ดี

แต่หากพูดถึงโอกาสและรางวัลที่ได้ จากการเสี่ยงโชคที่ใช้เงินถูกกว่าลอตเตอรี่ไทยเพียง 5 บาท ความยากง่ายและรางวัล เป็นประมาณนี้ครับ

วิธีการเล่น US Powerball ง่ายเพียงแค่ เลือกลูกบอลสีขาว 5 ลูก ที่มีตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 69 และเลือกลูกบอลสีแดง Powerball ที่มีตัวเลข 1-26 อีก 1 ลูก ซื้อถ้าอยากได้รางวัลมากถึง 7 หมื่นกว่าล้าน ตัวเลขที่ออกมาจะต้องตรงกับ ลูกบอลสีขาว 5 ลูก และ ลูกบอลสีขาว 1 ลูก ที่ได้เลือกไว้

แต่โอกาสในการถูกจะยากกว่าของไทย เพราะ หากคำนวณด้วยวิธีความน่าจะเป็นแล้ว โอกาสถูกรางวัลอยู่ที่ 1 ใน 292.2 ล้าน ส่วนรางวัลที่ 1 ของไทย จะคิดความน่าจะเป็นที่จะได้รางวัลที่ 1 คิดเป็น 1 ใน ล้าน

เทียบกันแล้ว โอกาสถูกรางวัล US Powerball จะมีโอกาสถูกน้อยกว่ารางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาลไทยถึง 292.2 เท่า

คำถามต่อมาคือ ถ้าไม่ถูกตรงเป็ะเลย ก็จะไม่ได้อะไรเลยหรือไม่?

คำตอบคือ ไม่ใช่ เพราะ US Powerball ก็มีรางวัลรองลงมา

คล้ายกับสลากกินแบ่งรัฐบาลในไทยเช่นกันดังนี้

  • เลขจากลูกบอลสีแดงตรง 1 ตัว จะได้ $4
  • เลขจากลูกบอลสีขาวตรง 1 ตัว และ เลขตรงกับลูกบอลสีแดง จะได้ $4
  • เลขจากลูกบอลสีขาวตรง 2 ตัว และ เลขตรงกับลูกบอลสีแดง จะได้ $7
  • เลขจากลูกบอลสีขาวตรง 3 ตัว จะได้ $7
  • เลขจากลูกบอลสีขาวตรง 3 ตัว และ เลขตรงกับลูกบอลสีแดง จะได้ $100
  • เลขจากลูกบอลสีขาวตรง 4 ตัว จะได้ $100
  • เลขจากลูกบอลสีขาวตรง 4 ตัว และ เลขตรงกับลูกบอลสีแดง จะได้ $50,000
  • เลขจากลูกบอลสีขาวตรง 5 ตัว จะได้ $1,000,000
  • เลขจากลูกบอลสีขาวตรง 5 ตัว และ เลขตรงกับลูกบอลสีแดง จะได้ $1,900 ล้าน

ของแบบนี้ รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง หากลองแล้วถูกกิน ก็กลับไปขยันทำงาน มุมานะอดทนกันนะครับ

รางวัลแจ็กพอตแบบนี้จะต้องเสียภาษีหรือไม่ ?

หลายคนตั้งคำถามว่า เมื่อถูกรางวัลแจ็กพอตแบบนี้จะต้องเสียภาษีหรือไม่อย่างไร? คำตอบคือเสียภาษี แต่ในอัตราที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับรูปแบบการรับเงิน โดยจะมีตัวเลือกรับเงินอยู่ 2 แบบ คือ

  • 1. รับเงินก้อน (Lump Sum) รับรางวัลรวดเดียวทั้งหมด
  • 2. รับเงินงวดรายปี (Annuity) ซึ่งจะจ่ายให้ 30 งวดเป็นเวลา 29 ปี

โดยแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แต่ที่น่าสนใจคือ นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ไม่มีใครเลือกรับเงินแบบเงินงวดรายปีเลย

สำหรับตัวเลือกรับเงินก้อนนั้น ข้อเสียหลักเลยคือ เงินสุทธิที่ได้จากรางวัลแจ็กพอตนั้น จะต้องถูกหั่นออกไปราว ๆ ครึ่งหนึ่ง เช่นแจ็กพอต 2.04 พันล้านดอลลาร์นี้ มีรายงานว่าจะถูกหั่นเหลือประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.6 หมื่นล้านบาท)

จากนั้นเงินส่วนที่เหลือนี้จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามกฎหมายสรรพากร 24% และจะต้องเสียภาษีเข้ารัฐบาลกลางอีกสูงสุด 37% ขึ้นอยู่กับสถานะ เช่น โสดหรือแต่งงาน มีงานทำหรือว่างงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ ในบางรัฐจะมีการเรียกเก็บภาษีส่งให้รัฐหรือเมืองด้วย ที่เรียกเก็บสูงที่สุดคือ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเก็บเพิ่มอีกประมาณ 10% แต่จะมีอยู่ 14 รัฐที่ไม่เรียกเก็บภาษีในส่วนนี้เลย ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา นิวแฮมป์เชียร์ เปอร์โตริโก เซาธ์ดาโกตา เทนเนสซี เทกซัส หมู่เกาะเวอร์จิน วอชิงตัน (ไม่ใช่ วงชิงตัน ดี.ซี.) และไวโอมิง

ซึ่งทำให้ท้ายที่สุดแล้ว หากผู้ถูกรางวัล 2.04 พันล้านดอลลาร์เลือกเงินก้อน จะเหลือเงินสุทธิประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.2 หมื่นล้านบาท) เท่านั้น (ในกรณีนี้ไม่ถูกหักภาษีส่งให้รัฐ เพราะซื้อลอตเตอรี่จากแคลิฟอร์เนีย)

อีกหนึ่งข้อเสียคือ เมื่อได้เงินก้อนมา หากใช้จ่ายหรือลงทุนไม่เป็น ก็อาจสูญเงินได้ในพริบตา

แต้ข้อดีของการเลือกเงินก้อนคือ ผู้ที่ถูกรางวัลจะไม่ต้องไปปวดหัวกับการจ่ายภาษีในปีอื่น ๆ เพราะเสียทีเดียวจบ และสามารถนำเงินก่อนนี้ไปลงทุนต่อยอดอื่นได้ทันที

ส่วนการเลือกรับเงินแบบเงินงวดรายปีนั้น จะได้เงินครบทั้ง 2.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่จะแบ่งจ่ายเป็น 30 งวด 29 ปี โดยในปีแรกจะได้น้อยก่อน แล้วปรับเพิ่มขึ้น 5% ทุกปี

ที่มา : Powerball