สิงคโปร์กำลังมีผู้สูงอายุในประเทศมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

สิงคโปร์กำลังกลายเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประชากรอายุมากกว่า 65 ปี กินสัดส่วน 20% ของประชากรในประเทศ โดยที่ปัจจุบันสิงคโปร์มีประชากรในประเทศ 6.11 ล้านคน แปลว่าตอนนี้สิงคโปร์จะมีประชากรที่อายุมากกว่า 65 ปี ราว 1,200,000 คน (เลขกลม ๆ) และเรื่องนี้กำลังกลายเป็นประเด็นที่รัฐบาลสิงคโปร์จะหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นต่อจากนี้

(ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุในสัดส่วน 21.44% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ แต่ประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปของไทยยังกินสัดส่วนราว ๆ 14% ของประชากรในประเทศเท่านั้น)

จากรายงาน Population in Brief 2025 ที่เผยแพร่โดยรัฐบาลสิงคโปร์ระบุว่า เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 จำนวนประชากรสิงคโปร์ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปไต่ระดับไปอยู่ที่สัดส่วน 20.7% ของประชากรทั้งประเทศเป็นครั้งแรก เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่เคยมีสัดส่วน 19.9% กลายเป็นอีก 1 ประเทศที่ก้าวเท้าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์

สถานการณ์จำนวนชาวสิงคโปร์ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากเดิมที่สิงคโปร์เคยมีสัดส่วนประชากรกลุ่มนี้เพียง 13.1% พอผ่านมา 10 ปีตัวเลขนี้กลายเป็น 20.7% ของประชากรทั้งประเทศ และจากการคาดการณ์ตัวเลขนี้อาจแตะ 23.9% ภายในอีก 5 ปีต่อจากนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ตัวรายงานยังชี้ให้เห็นว่าประชากรที่มีอายุมากกว่า 80 ปี ก็เพิ่มขึ้นถึง 60% จากเดิมที่เคยมี 91,000 คนในปี 2015 พอเข้าสู่ปี 2025 ตัวเลขนี้กลายเป็น 145,000 คน !

และเมื่อตัวเลขประชากรผู้สูงอายุไต่ระดับเพิ่มขึ้นสูงแบบนี้ ย่อมนำมาซึ่งตัวเลขของประชากรที่อายุน้อยมีสัดส่วนลดลงตามมา ปี 2015 สัดส่วนประชากรอายุ 20-64 ปี ของสิงคโปร์อยู่ที่ 64.5% พอมาวันนี้ตัวเลขนี้เหลือเพียง 59.8%

เมื่อสังคมสูงวัย รัฐบาลสิงคโปร์จะทำอย่างไร ?

เรียกได้ว่าสิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่กำลังเผชิญสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุอย่างจริง ๆ จัง ๆ ที่น่าสนใจคือถ้าเป็น ‘รัฐบาลสิงคโปร์’ จะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้านี้อย่างไร ? เพราะเชื่อได้ว่ารัฐบาลคงมีบทเรียนจากการสังเกตประเทศไทยเรา ว่าหากปล่อยให้โครงสร้างประชากรเป็นแบบนี้ต่อไป ประเทศจะต้องเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างที่แก้ไขยากแน่ ๆ

NIKKEI Asia รายงานว่าสิ่งที่รัฐบาลสิงคโปร์ทำคือ พยายามที่จะนำเอา AI มาช่วยเติมเต็มช่องว่างด้านแรงงานที่ประเทศอาจเผชิญ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท ‘Synapxe’ ซึ่งบริษัทเอเจนซี่ด้านเทคโนโลยีสุขภาพแห่งชาติ ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ OpenAI (ChatGPT) เพื่อทดสอบ ‘Multi-agent prototype’ ที่สามารถจัดการงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เช่น การนัดพบแพทย์ ไปจนถึงการตอบคำถามเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทั่วไปให้กับผู้สูงอายุ

และไม่ใช่แค่กับ OpenAI เท่านั้นที่ Synapxe พยายามจะลงนามความร่วมมือด้วย แต่ยังมี Google Cloud อีก 1 เจ้าด้วย ไม่เพียงแต่บริษัทเอกชนที่พยายามแต่เนิ่น ๆ แต่รัฐบาลเองก็มีการเคลื่อนไหวถึงประเด็นนี้เหมือนกัน

ในเดือนสิงหาคม มีโครงการหนึ่งของรัฐบาลที่พึ่งริเริ่มไปคือ โครงการ ‘Age Well Neighbourhoods’ เป็นโครงการที่จะไปบริการดูแลผู้สูงอายุถึงที่บ้าน แทนที่จะดูแลที่บ้านพักคนชรา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ‘ออง เย คุง’ (Ong Ye Kung) กล่าวถึงแนวคิดของโครงการนี้ว่า

“แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างบ้านพักคนชราเพิ่มขึ้น เราควรมุ่งเน้นไปที่วิธีที่เราช่วยให้ผู้สูงอายุมีอายุยืนยาวอย่างสง่างามและมีสุขภาพดี เพื่อให้พวกเขายังคงเชื่อมต่อกับชุมชน และใช้ชีวิตท่ามกลางเด็กๆของพวกเขา”

นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่เราได้เห็นในความพยายามของรัฐบาลสิงคโปร์ในการรับมือสังคมสูงอายุที่ประเทศกำลังเผชิญ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเป็นวิธีการที่น่าสนใจอย่างมาก ทั้งการนำเอา AI มาใช้อย่างจริง ๆ จัง ๆ โดยมีผู้รับผิดชอบหลักที่ร่วมมือกับบริษัทระดับโลก และการที่มุ่งเน้นดูแลผู้สูงอายุถึงบ้านแทนที่จะเลือกใช้วิธีให้ผู้สูงอายุมาอยู่บ้านพักคนชรา ต่อจากนี้สิงคโปร์จะทำอย่างไรต่ออีก ผู้เชียนเชื่อว่าคงเป็นการดีไม่น้อยถ้าผู้มีอำนาจของประเทศไทยจะแอบลอกการบ้านของรัฐบาลสิงคโปร์มาใช้ในประเทศไทยเราบ้าง

ที่มา
NIKKEI Asia
ThaiPublica

เด็กหนุ่มจากราชบุรี ที่ยังคงลองผิดลองถูกเสมอมา