บอกลาความฝันคนไทยมีบ้าน ?
“ttb analytics คาดตลาดที่อยู่อาศัยไทยปี 2568 มีโอกาสหดตัว 12 ไตรมาสติดต่อกัน….”
ถ้าคุณผู้อ่านอ่าน อ่านเร็ว ๆ และรู้สึก “เอ๊ะ ต้องเป็น 12 เดือนหรือเปล่า ไม่ใช่ 12 ไตรมาส”
ผู้เขียนขอยืนยันว่าจากรายงานเป็นหน่วย #ไตรมาส จริง ๆ หมายความว่า ตลาดที่อยู่อาศัยไทยหดตัวมาแล้วทั้งสิ้น 36 เดือน หรือคิดเป็นการหดตัวต่อเนื่องถึง 3 ปีติด
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ประเมินว่าพอสิ้นสุดปี 2568 สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยจะลงเอยที่ “หดตัวต่อเนื่อง” เป็นระยะเวลา 3 ปีติด เพราะตลาดที่อยู่อาศัยของไทยในปีนี้ส่งสัญญาณแย่กว่าที่สถาบันวิเคราะห์คาดการณ์ สะท้อนจากตัวเลขหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ครึ่งปีแรกปรับลดลง 10.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
หรือถ้ามาดูที่ครึ่งปีหลัง แม้จะยังไม่ครบครึ่งปีดีแต่ก็เห็นสัญญาณบางอย่าง สัญญาณที่ว่าคือตัวเลขหน่วยโอนของเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาหดตัวถึง 11.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
คือตอนนี้จากรายงานที่ ttb analytics ออกมาวิเคราะห์เกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัย แทบจะไม่เห็นสัญญาณบวกใด ๆ เลย ไม่เพียงเท่านั้นรายงานฉบับดังกล่าวยังประเมินต่อด้วยว่าในปี 2569 ตลาดที่อยู่อาศัยจะเผชิญความท้าทายมากกว่านี้อีก
3+2 สาเหตุที่ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยในไทยยังอยู่ในช่วงขาลง
1.ความสามารถในการซื้อของประชาชนลดลงจากปัญหาหนี้ครัวเรือน
ถ้าเราย้อนดูราคา ‘ทาวน์เฮ้าส์’ และ ‘บ้านเดี่ยว’ ทั่วประเทศในปี 2566 จะพบว่ามีราคาที่เพิ่มขึ้นถึง 57.2% และ 42.5% เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนกลับเพิ่มขึ้นเพียง 15.2% เท่านั้น !
2.การอาศัยระยะเวลาขายที่นานขึ้น ท่ามกลางสต๊อกคงค้างสูง
ttb analytics ระบุว่า หากประเมินจากกำลังซื้อของคนในปัจจุบัน โครงการที่อยู่อาศัยจะต้องใช้เวลากว่า 59 และ 45 เดือนในการระบายสต๊อก ‘ที่อยู่อาศัยแนวราบ’ และ ‘แนวสูง’ คงค้างได้หมดตามลำดับ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวถือเป็นระยะเวลาที่ทำให้เจ้าของโครงการต้องแบกภาระทางการเงินที่ยาวนาน เมื่อเป็นแบบนี้เจ้าของโครงการก็จะมีแนวโน้มที่จะชะลอการออกโครงการใหม่ ๆ ไปก่อน
3.พื้นที่ศักยภาพในการพัฒนาที่อยู่อาศัยมีจำกัด
สะท้อนจากตัวเลขพื้นที่ขออนุญาตก่อสร้างในช่วงครึ่งปีแรกในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ที่หดตัวแรงถึง 36.6% เป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าพื้นที่ในการพัฒนาเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยในปัจจุบันโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑลถึงจุด ‘อิ่มตัว’
แค่ 3 ปัจจันข้างต้นก็แทบจะเป็นหมัดน็อคของคนทำธุรกิจอสังหาฯ แล้ว แต่ตอนนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เข้ามาซ้ำเติมอีกได้แก่ (1) ความไม่มั่นคงในอาชีพการงานของคนในยุคปัจจุบัน ทำการจะตัดสินใจใช้เงินก้อนใหญ่แต่ละทีต้องไตร่ตรองแล้วไตร่ตรองอีก (2) ซ้ำร้ายสถานการณ์นี้ดันเกิดขึ้นท่ามกลางยุคที่เศรษฐกิจไทยโตต่ำ องค์กรใหญ่ ๆ พากันลดคน
เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ธุรกิจอสังหาฯ ย่อมได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความฝันที่คนไทยจะมีบ้านคงห่างไกลออกไปอีกมากขึ้นเรื่อย ๆ
ที่มา
ttb analytics
