กองทัพเมียนมาสั่งบังคับเกณฑ์ทหารทั้งชายหญิง ชาวพม่าแห่ยื่นขอวีซ่าเพื่อหนีเข้าไทยต่อวันนับพันคน จับตาปัญหาแรงงานเพื่อนบ้านไหลทะลักลามกระทบไทย
ผลพวงจากการสู้รบในเมียนมา ระหว่างรัฐบาลทหารของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย กับกลุ่มชาติพันธ์ุในรัฐต่างๆ ที่เป็นคู่ขัดแย้งกันมาอย่างยาวนานนับร้อยปี ส่งผลทำให้กองทัพเมียนมาต้องสูญเสียกำลังพลไปจำนวนไม่น้อย ทั้งเสียชีวิตในระหว่างการสู้รบ และการหนีทัพไปเข้ากับฝ่ายกลุ่มชาติพันธ์ ทำให้รัฐบาลทหารเมียนมาต้องประกาศบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปีอย่างจริงจัง ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงจะต้องถูกเกณฑ์หทหาร โดยผู้ชายอายุตั้งแต่ 18-35 ปี หรือ 18-45 ปีในกรณีที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ และหญิงอายุระหว่าง 18-27 ปี หรือ 18-35 ปีในกรณีเป็นผู้เชี่ยวชาญ จะถูกบังคับเกณฑ์เข้าไปเป็นทหาร ระยะเวลาไม่เกิน 24 เดือน หรือหากเป็นกรณีที่บุคคลนั้นมีความเชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะทางที่กองทัพต้องการ อาจจะต้องรับราชการนานถึง 36 เดือน
ทั้งนี้ หากอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินดังเช่นที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน รัฐบาลอาจจะกำหนดอายุราชการทหารให้นานถึง 5 ปีเลยทีเดียว
ปรากฎการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ชาวเมียนมาจำนวนมากที่ไม่อยากถูกเกณฑ์ไปรบจะต้องหาทางหนีออกจากประเทศอย่างเร่งด่วน โดยสำนักข่าวต่างปนะเทศได้รายงานจากนครย่างกุ้ง อดีตเมืองหลวงของเมียนมา และเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญว่า มีประชาชนมากกว่า 1,000 คนเข้าแถวที่หน้าสถานทูตไทยในย่างกุ้ง เพื่อขอวีซ่าเข้ามาในประเทศไทยเนื่องจากคนหนุ่มสาวพเหล่านี้ยายามเดินทางออกจากเมียนมาหลังจากรัฐบาลทหารกล่าวว่าจะบังคับเกณฑ์ทหาร
ชาวเมียนมาเข้าคิวด้านนอกสถานทูตไทยในนครย่างกุ้ง หลังจากรัฐบาลทหารประกาศเมื่อวันเสาร์ว่าจะบังคับใช้การเกณฑ์ทหารภาคบังคับ (AFP)
รัฐบาลทหารเผชิญกับการต่อต้านการปกครองด้วยอาวุธอย่างกว้างขวางหลังจากยึดอํานาจจากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง และเมื่อเร็ว ๆ นี้กำลังเผชิญกับความเพลี่ยงพล้ำหลายครั้งต่อกองทำกำลังของกลุ่มชาติพันธ์ุติดอาวุธ ซึ่งต้องการจะแยกตัวออกจากเมียนมามาโดยตลอด
ผู้สื้อข่าวของ AFP รายงานว่า ชาวเมียนมาเข้าคิวหันยาวเหยียดระหว่าง 1,000 – 2,000 คนตามทางเดินด้านหน้าสถานทูตฯ ซึ่งมากกว่าจำนวนปกติที่จะมีจำนวนน้อยกว่า 100 คนต่อวัน แต่ทางสถานทูตฯ แจ้งว่าจะอนุมัติวีซ่าให้กับชาวพม่าได้เพียงแค่ 400 คนต่อวันเท่านั้น
นักศึกษา โก ออง พโย วัย 20 ปี บอกกับ AFP ว่า เขามาถึงสถานทูตในเวลา 20.00 น. ของวันพฤหัสบดี และนอนในรถของเขาก่อนที่จะเริ่มเข้าคิวประมาณเที่ยงคืน
“เราต้องรอ 3 ชั่วโมง และตํารวจเปิดประตูรักษาความปลอดภัยประมาณตี 3 และเราต้องวิ่งไปที่หน้าสถานทูตเพื่อให้ได้คิวเป็นคนแรกๆ
สำหรับกฎหมายการบังคับเกณฑ์ทหารนี้ประกาศโดยรัฐบาลทหารชุดก่อนในปี 2010 แต่ไม่เคยมีการบังคับใช้จริง และยังไม่ชัดเจนว่าจะบังคับใช้อย่างไร
ไม่มีการให้รายละเอียดว่าผู้ที่ถูกเรียกตัวติดทหารจะต้องทำหน้าที่อย่างไร แต่คนหนุ่มสาวจํานวนมากไม่กระตือรือร้นที่จะรอและค้นหาคำตอบ
“ฉันจะไปกรุงเทพด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวและหวังว่าจะอยู่ที่นั่นสักพัก ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจทํางานหรือเรียน ฉันแค่อยากหนีออกจากประเทศนี้”
โค ควง ชาวย่างกุ้งวัย 22 ปี กล่าวว่า โรงแรมทุกแห่งที่อยู่ใกล้สถานทูตไทยถูกจองเต็มด้วยผู้คนที่พยายามขอวีซ่า และเขาเองก็เริ่มเข้าคิวตอนตี 2
“เมื่อประตูรักษาความปลอดภัยเปิด เราวิ่งเหมือนวิ่งมาราธอน สิ่งที่ผมคิดได้คือไปยืนหน้าสถานทูตและวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้”
การขาดการให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับโครงการรับราชการทหารใหม่ทําให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่ผู้ที่อาจได้รับผลกระทบเท่านั้น
“เมื่อฉันได้ยินกฎหมายการรับราชการทหารนี้ ฉันรู้สึกตกใจ” นักศึกษา Ma War วัย 20 ปี ฉันถามไปรอบๆ ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือแค่ข่าวลือ และเมื่อเรายืนยันว่ามันเป็นความจริง พวกเราส่วนใหญ่ก็กลัว”
เธอกล่าวว่าตอนนี้เพื่อนของเธอหลายคนถามถึงการเข้าร่วมกลุ่มกองกําลังป้องกันประชาชนต่อต้านรัฐประหารแทนที่จะเสี่ยงที่จะถูกดึงเข้ามาต่อสู้เพื่อรัฐบาลทหาร
“คนหนุ่มสาวในเมียนมาสูญเสียความฝัน และกฎหมายนี้ทําร้ายพวกเขาและทําให้พวกเขากลัวมากยิ่งขึ้น”
Ko Zaw Myo วัย 25 ปียอมรับว่าการประกาศดังกล่าวทําให้อนาคตดูเลือนลางในประเทศที่เศรษฐกิจเองก็ย่ำแย่อยู่แล้วเนื่องจากสงครามกลางเมือง
“กฎหมายรับราชการทหารนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่จะทําลายประเทศ บริษัท ร้านอาหาร ธุรกิจส่วนใหญ่ดําเนินการโดยคนหนุ่มสาว หากไม่มีคนหนุ่มสาวในประเทศ ธุรกิจส่วนใหญ่จะปิดตัวลง”
ชาวเมียนมาเข้าคิวด้านนอกสถานทูตไทยในนครย่างกุ้ง หลังจากรัฐบาลทหารประกาศเมื่อวันเสาร์ว่าจะบังคับใช้การเกณฑ์ทหารภาคบังคับ (AFP)
วิกฤตความเชื่อมั่นกำลังตามมา
พลตรีซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหาร กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า ระบบการรับราชการทหารมีความจําเป็น เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา เนื่องจากต้องต่อสู้กับกลุ่มชาติพันธ์ุ กองกำลังติดอาวุธที่มีมายาวนานซึ่งเป็นของชนกลุ่มน้อย
เขากล่าวว่า ประชาชนราว 13 ล้านคนจะมีสิทธิ์ถูกเรียกตัว แม้ว่ากองทัพจะมีขีดความสามารถในการฝึกเพียง 50,000 คนต่อปีเท่านั้น
“เป็นเรื่องยากสําหรับเราที่จะให้การฝึกอบรมแก่ผู้ที่มีอายุครบเกณฑ์แม้แต่ 0.5%”
นายริชาร์ด ฮอร์ซีย์ จากกลุ่มวิกฤตการณ์ระหว่างประเทศ (International Crisis Group) กล่าวว่า การประกาศเรียกตัวของกองทัพเป็น “ตัวชี้วัดถึงสถานะที่เลวร้ายของกองทัพ โดยเผชิญกับการบาดเจ็บล้มตายสูง การเกณฑ์ทหารที่อ่อนแอ และวิกฤตความเชื่อมั่นทั่วทั้งกองทัพ”
มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,500 คนในการปราบปรามผู้เห็นต่างของกองทัพนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 และมากกว่า 26,000 คนถูกจับกุม ตามรายงานของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง
จับตาสถานการณ์คนเมียนมาไหลทะลักเข้าไทย
สำนักข่าว BBC ประจำประเทศไทยรายงานโดยอ้างอิงจากการรายงานของกองกำลังนเรศวรระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.ที่ผ่านมา ระบุว่า หมวดลาดตระเวนระยะไกล กองกำลังนเรศวร พร้อมด้วยกองบังคับการควบคุม หน่วยเฉพาะกิจราชมนู จับกุมชาวเมียนมาจำนวน 54 คน แบ่งเป็นชาย 24 คน และหญิง 30 คน ที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายบริเวณชายแดน อ.พบพระ จ.ตาก โดยแต่ละคนสารภาพว่า ได้เสียค่านายหน้าให้นำพาเข้าไทยคนละประมาณ 10,500-25,000 บาท จุดหมายปลายทางคือ กรุงเทพมหานคร
ชาวเมียนมาถูกจับกุมขณะเดินทางเข้าไทยผ่านพรมแดนธรรมชาติบริเวณ อ.พบพระ จ.ตาก (กองกำลังนเรศวร)
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีแล ะรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีหญิงชายชาวเมียนมาจำนวนมากแห่ยื่นขอวีซ่ามาประเทศไทย หวั่นเป็นการลักลอบหนีเข้าตามแนวชายแดน หลังทางการเมียนมาจะใช้กฎหมายบังคับเกณฑ์ทหาร จะกำชับเรื่องนี้อย่างไร ว่า เรื่องการขอทำวีซ่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ถ้าขอมาถูกต้องและทำถูกต้อง เราก็ต้อนรับ แต่ถ้าลักลอบเข้ามา ไม่ได้แน่นอน ก็มีการพูดคุยกับฝ่ายมั่นคงในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเข้ามาจำนวนมากของชาวเมียนมา เพื่อหนีทหาร มีความกังวลหรือไม่ว่าจะมาแย่งงาน แย่งอาชีพคนไทยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่อยากจะบอกว่าเขาเข้ามาเพื่ออะไร เพราะแต่ละคนมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันไป แต่แน่นอนจุดมุ่งหมายแรกอาจจะเป็นการหนีทหาร แต่เราก็มีการกำหนดที่ชัดเจนว่าอยู่ได้เท่าไหร่ ซึ่งในส่วนของแรงงานเราก็มีแรงงานเมียนมา แรงงานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และแรงงานกัมพูชาเยอะอยู่แล้ว แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ต้องอยู่บนความถูกต้อง
Source
