อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยเติบโต มูลค่าการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์พุ่งทะลุ 2.5 แสนล้าน โดยยังไม่ต้องพึ่งพานโยบายซอฟต์พาวเวอร์
.
ในช่วงเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาคำว่าซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เป็นคำที่ถูกกล่าวถึงอย่างแพร่หลายในประเทศไทย บทความนี้ไม่ได้ตั้งใจจะออกมาอธิบายว่าอะไรคือซอฟต์พาวเวอร์ แต่จะพาไปสำรวจสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพที่จะสามารถสร้างซอฟต์พาวเวอร์ให้แก่ประเทศไทย เพราะซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยไม่ได้มีเพียงแค่มวย กางเกงช้าง และลิซ่า
.
จากรายงานฉบับล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ปี พ.ศ.2566 โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พบว่าปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนธุรกิจสร้างสรรค์ถึง 83,329 กิจการ โดยเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 (77,815 กิจการ) และก่อให้เกิดการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม 963,549 อัตรา หรือเรียกว่ากลุ่มแรงงานสร้างสรรค์
.
มาถึงตรงนี้อาจจะสงสัยว่าอาชีพที่ท่านผู้อ่านประกอบอยู่จะถูกนับรวมเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์หรือไม่เพราะบางทีท่านอาจจะกลายเป็นแรงงานสร้างสรรค์โดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันภาครัฐวางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไว้ 11 อุตสาหกรรม ได้แก่ แฟชั่น ดนตรี อาหาร ภาพยนตร์ เทศกาล ท่องเที่ยว ศิลปะ ออกแบบ เกม หนังสือ และกีฬา ซึ่งปี พ.ศ.2566 ภาครัฐมีการจัดตั้งโครงการต่าง ๆ ทั้งหมด 492 โครงการ เพื่อผลักดันและพัฒนาอุตสาหกรรมในรายสาขาต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้นด้วยตัวเลขงบประมาณทั้งหมดราว ๆ 11,449 ล้านบาท
.
ตัวเลขงบประมาณ 11,449 ล้านบาท มีการกระจายไปตามกระทรวงต่าง ๆ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและส่งเสริมตามกลุ่มของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยกระทรวงวัฒนธรรมคือกระทรวงที่ได้สัดส่วนงบประมาณมากที่สุด คิดเป็น 24.8% ของงบประมาณทั้งหมด (2,841 ล้านบาท) รองลงมาคือกระทรวงมหาดไทยที่ได้งบประมาณในสัดส่วน 24% (2,754 ล้านบาท) ตามด้วยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ (2,566 ล้านบาท) กระทรวงดิจิทัล (893 ล้านบาท) กระทรวงพาณิชย์ (612 ล้านบาท) และอีก 11 หน่วยงาน ในสัดส่วนที่ลดหลั่นกันลงมา ประเด็นที่น่าชวนคิดต่อคือแล้วงบประมาณทั้งหมดถูกลงไปที่โครงการอะไร อุตสาหกรรมภาคไหน ตรงนี้ต้องย้อนมองกลับมาที่ภาพใหญ่ของประเทศไทยกันซักนิด
.
พื้นเพแล้วประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวมาตลอด ประเทศไทยเคยมีนักท่องเที่ยวสูงถึง 40 ล้านคนต่อปี และรายได้จากนักท่องเที่ยวของประเทศไทยก่อนเกิดเหตุการแพร่ระบาดของโควิด-19 คิดเป็น 10% ของ GDP ประเทศ ถึงตรงนี้ผู้อ่านคงเดาได้ว่าตัวเลขงบประมาณ 11,449 ล้านบาทจะถูกนำไปส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สาขาใดเป็นหลัก คำตอบคือ ‘สาขาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม’ ด้วยงบประมาณเกือบครึ่งหนึ่งของงบประมาณทั้งหมดที่ 4,736 ล้านบาท ทั้งนี้ต้องมาติดตามกันต่อเมื่อสิ้นปี พ.ศ.2567 ว่าสถานการณ์นักท่องเที่ยวในประเทศไทยจะเป็นอย่างไร เพราะนอกจากงบประมาณที่ส่งเสริมในโครงการข้างต้นแล้ว ยังมีนโยบายอื่น ๆ (เช่น ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน ฯลฯ) จากรัฐบาลที่สนับสนุนและผลักดันภาคการท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด
.
กลับมาที่รายงานสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ยังพบนิมิตหมายที่ดีในมิติของการส่งออก เนื่องจากมูลค่าการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ของประเทศไทยเติบโตขึ้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
.
-ปี พ.ศ.2565 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ 252,110 ล้านบาท
-ปี พ.ศ.2564 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ 205,472 ล้านบาท
-ปี พ.ศ.2563 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ 153,794 ล้านบาท
(เติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละเกือบ ๆ 50,000 ล้านบาทต่อปี)
.
หมวดสินค้าสร้างสรรค์ที่เป็นที่นิยมจากต่างประเทศ และส่งออกสูงสุดคือสินค้าหมวด ‘งานออกแบบ’ (Design) คิดเป็น 86.14% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด โดยงานประเภทออกแบบหมายถึงงานออกแบบสินค้า, ออกแบบกราฟิก และออกแบบประสบการณ์ (ตัวอย่างสินค้าเช่น โครงสร้างรถแข่ง, ฉากกั้นบนเครื่องบิน, เก้าอี้สุขภาพ, โปสเตอร์กราฟิก ฯลฯ)
.
มาถึงตรงนี้จะพบว่าประเทศไทยมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น มีมูลค่าการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์มากขึ้น และยังมีแนวโน้มที่รัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณในภาคอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้นตั้งเป้าสร้างแรงงานทักษะสูง 20 ล้านคน และสร้างรายได้อย่างน้อย 200,000 บาทต่อปี ผ่านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทั้ง 11 สาขา
.
เกาหลีใต้มีแนวทางอย่างไรกับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์?
“เกาหลีใต้” คือหนึ่งในประเทศที่ถูกมองเป็นประเทศแบบอย่างและถูกนำมาถอดบทเรียนอยู่บ่อย ๆ จากประเทศไทย จากรายงานวิจัยเรื่อง “กรณีศึกษาความสำเร็จของอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้” พบว่าเกาหลีใต้สนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จากทั้งทางกฎหมาย นโยบาย และมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเฉพาะเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เรื่อยมา ตั้งแต่ปี ค.ศ.1993 หรือแม้แต่การสนับสนุนงบประมาณเป็นตัวเลขมากกว่า 38,907 ล้านบาท ในปี ค.ศ.2013 (งบประมาณดังกล่าวเมื่อ 11 ปีที่แล้วของเกาหลีสูงกว่างบประมาณที่รัฐบาลไทยสนับสนุนในปีล่าสุดถึง 3 เท่า)
.
แต่ถึงแม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะสนับสนุนงบประมาณในตัวเลขที่สูง แต่รัฐบาลกลับทำหน้าที่เพียงแค่สนับสนุนทีมงานผลิตไม่เข้าไปแทรกแซงหรือปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ใด ๆ จากทีมผู้ผลิต โดยกิจกรรมที่รัฐบาลให้การสนับสนุนมีตัวอย่าง เช่น เตรียมงานด้านการผลิตสื่อ เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยให้กับภาคเอกชน หรือแม้แต่อำนวยความสะดวกและประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อจัดเตรียมพื้นที่สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ
.
สาระสำคัญคือเกาหลีใต้เห็นคุณค่าทางวัฒนธรรมในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทำให้เกิดการสนับสนุนเงินทุนจำนวนมาก พัฒนาบุคลากร และยังส่งเสริมให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้สินค้า บริการ รับชมเนื้อหาต่าง ๆ เพื่อสร้างกระแสความนิยมจนก่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างของสังคมตามมา
.
สุดท้ายแล้วทิศทางของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป ประเทศไทยจะสามารถสร้างซอฟต์พาวเวอร์ได้หรือไม่ ประเด็นเหล่านี้ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดผ่านผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้จากประชาชนทุกคน เพราะเพียงสถิติที่ดีต่าง ๆ ยังไม่อาจทำให้ปากท้องของประชนอิ่มได้
.
เรื่อง: กฤชพนธ์ ศรีอ่วม
.
ข้อมูลจาก
1.Thailand’s Creative Industries Movement Report 2023
2.แผนพัฒนาอุตสาหกรรมบริการออกแบบ โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
3.นโยบายหลักพรรคเพื่อไทย นโยบาย One Family One Soft Power และ Thailand Creative Content Agency