เจ้าของธุรกิจอเมริกันวาดฝันจะมีความสุขในการใช้ชีวิต มีอิสรภาพในการทำสิ่งที่ตนต้องการ แต่จากผลสำรวจลูกจ้างกว่า 8,700 คน เกือบครึ่งระบุว่าความฝันดังกล่าวเป็นเพียงอุดมคติ ทำไม่ได้จริงในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ แค่จะเก็บเงินซื้อบ้านซักหลังยังยาก ไม่มีอีกแล้ว American Dream
ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ การแข่งขันที่สูง ค่าครองชีพแพง สภาพการเมืองที่ไม่แน่นอน
ทางออกเดียวที่เราทำได้ตอนนี้คือ ‘ก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงานให้หนัก’ ต้อง Work Hard ต้องมีเป้าหมาย
และซักวันชีวิตของเราจะดีขึ้นแน่นอน ซักวันเราจะมีบ้านเป็นของตัวเองให้กลับไปพักผ่อน มีรถรุ่นที่เราชอบ
มีโซฟาตัวนุ่ม ๆ ให้นั่งพักหลังจากทำงานมาเหนื่อย ๆ กับเครื่องดื่มเย็น ๆ และคนรู้ใจที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
แนวคิดข้างต้นคือ ‘American Dream’ หรือเรียกว่า ความฝันแบบอเมริกัน
คำคุ้นหูที่หลายคนอาจเคยได้ยินผ่าน ๆ มาบ้าง หรืออาจได้ยินเป็นครั้งแรก
แนวคิดดังกล่าวเป็นเหมือนทั้งมายาคติ (Mythologies) และอุดมการณ์ (Ideology) ทางสังคมอเมริกันทีแอบสอดแทรกผ่านวัฒนธรรมประชานิยมต่าง ๆ อย่างแนบเนียนไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เพลง หรือแม้แต่ภาพวาด ที่ยังฝังรากลึกมาจนถึงปัจจุบัน แต่ไม่ใช่แค่เพียงที่อเมริกาเท่านั้น บางทีความคิดดังกล่าวก็อาจแพร่กระจายอยู่อย่างเงียบ ๆ ในสังคมหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก
ทว่าตอนนี้แนวคิดดังกล่าวกลายเป็นเพียงแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของชาวอเมริกันบางคน-บางส่วนเท่านั้น สำหรับชาวอเมริกันบางคน ความฝันแบบอเมริกันกลายเป็นเพียงภาพฝันที่ไม่อาจเกิดขึ้นจริง พลวัตนี้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
จากการสำรวจโดยสถาบันวิจัย Pew กับกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวอเมริกันกว่า 8,700 คน ถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ‘American Dream’ ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 41% ต่างบอกว่าความฝันดังกล่าวเป็นเพียง ‘อุดมคติ’ ความเท่าเทียม ชีวิตการทำงานที่ดี และการแข่งขันที่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ‘เคยเป็น’ สิ่งที่อเมริกันเป็น เป็นสิ่งที่ประชาชนทั่วไปสามารถทำได้ แต่ตอนนี้ไม่อีกแล้ว นอกจากนี้ยังมีอีกราว ๆ 6% ที่ตอบว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เคยมีมาต้ังแต่ต้นอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีผลสำรวจจากสำนักข่าว CNBC ออกมาอีกว่าตอนนี้ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันจำนวนมากกำลังใช้ชีวิต ‘เดือนชนเดือน’ อันเนื่องมาจากภาระหนี้สิน สถานการณ์เงินเฟ้อ ส่งผลให้ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันหลายคนไม่มีเงินออม ศาสตราจารย์ ‘ราจ เช็ตตี้’ (Raj Chetty) นักเศรษฐศาสตร์ และนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณะประจำมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกล่าวถึงเรื่องนี้ในงานเสวนาวิชาการที่ฮาร์วาร์ดเมื่อปีที่แล้วว่า
“การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในลักษณะนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากหงุดหงิด พวกเขากำลังรู้สึกว่าประเทศนี้ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ง่าย ๆ อีกต่อไปถึงแม้พวกเขาจะทำงานอย่างหนัก”
ทัศนะจากนักวิชาการเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกำลังสะท้อนว่า ‘ทำงานหนัก’ ไม่ใช่วิธีการเดียวที่จะทำให้ชีวิต สังคม และประเทศก้าวหน้าอีกต่อไป
ย้อนกลับไปที่ผลสำรวจของศูนย์วิจัย Pew ผลสำรวจดังกล่าวที่ถามวัยแรงงานชาวอเมริกัน เป็นผลสำรวจที่ตามมาหลังจากผลสำรวจของ GoDaddy ที่สำรวจเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กกว่า 1,000 รายในสหรัฐอเมริกา โดยแบบสำรวจของ GoDaddy คือให้เจ้าของธุรกิจ ‘นิยาม’ American Dream ในแบบของตัวเอง บรรดาเจ้าของธุรกิจกว่า 54% ต่างนิยาม American Dream ว่าหมายถึงการมีความสุขในชีวิตเป็นนิยามลำดับที่ 1 และ 49% นิยาม American Dreams ว่าหมายถึงอิสรภาพในการทำตามความฝันของตน ทำในสิ่งที่ต้องการ
ซึ่งหากนิยาม American Dream ตามบรรดาผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ นั่นหมายความว่าบรรดาลูกจ้างวัยทำงานต่างคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งเพ้อฝันสำหรับตนเอง
‘ฟาร่า โฮวาด’ (Fara Howard) หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ GoDaddy อธิบายกับสำนักข่าว CNBC: Make It เพิ่มเติมว่า
“ถ้าเราพิจารณานิยามของบรรดาเจ้าของธุรกิจ นิยามของ American Dream ในยุคนี้กำลังเปลี่ยนไป สภาพเศรษฐกิจตอนนี้ส่งผลให้แม้แต่แค่การจะเป็นเจ้าของบ้านซักหลังเป็นสิ่งที่ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคน Gen Z (ปีเกิด 1980-1997) นอกจากนี้ โรคระบาดและการลาออกครั้งใหญ่ที่ผ่านมาทำให้หลายคนมองว่าการเป็นเจ้านายตัวเองจะทำให้ได้รับอิสระทางชีวิต
แท้จริงแล้ว ตอนนี้คนอเมริกันกำลังทำงานมากกว่า 1 งาน และหันไปมีอาชีพที่ 2-3 เยอะขึ้น และแนวโน้มนี้ไม่น่าจะชะลอตัวลงในเร็ว ๆ นี้ จนเรียกได้ว่ากำลังกลายเป็นเรื่องปกติ ? แต่พวกเขากลับไม่ได้รู้สึกว่าเข้าใกล้ American Dream ซะเลย
จากผลสำรวจของสถาบัยวิจัย Pew ที่พบว่าแม้ชาวอเมริกันจำนวนมากจะมองว่า American Dream เป็นความฝันที่ไม่สามารถทำได้จริง แต่ก็ยังมีกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามราว ๆ 30% ที่ให้ความเห็นว่า American Dream อยู่นอกเหนือความต้องการสำหรับพวกเขา และอีก 31% กล่าวว่าพวกเขาบรรลุเป้าหมาย American Dream ของตนแล้ว หรือแม้แต่ 36% ที่มั่นใจในเส้นทางของตัวเอง และระบุว่าเขาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องในการบรรลุความฝันที่ตนตั้งไว้
การตั้งเป้าและเดินตามความฝันเป็นเรื่องที่ดี แต่จะดีกว่าถ้าได้สังเกตุว่าความฝันนั้นเป็นของเรา หรือเป็นมายาคติที่สังคมประกอบสร้างขึ้น ประเด็นที่น่าชวนคุยต่อจากนี้คือ ตอนนี้ประเทศไทยเรามีมายาคติหรืออุดมการณ์อะไรที่แอบหล่อหลอมสังคมกันอยู่บ้าง ?
เรื่อง: กฤชพนธ์ ศรีอ่วม
อ้างอิง: CNBC


