ในวันที่ผู้ชมมองว่ารายการข่าวบนหน้าจอทีวีไทย นำเสนอแต่เรื่องดราม่า งมงาย ทะเลาะเบาะแว้ง ไปส่องดูว่าทีวีเพื่อนบ้านชาติพัฒนาแล้วอย่างสิงคโปร์ เขาดูอะไรบ้างกันบ้าง?

รายการข่าวสิงคโปร์นำเสนออะไรบ้าง?

เชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกว่า ข่าวสารที่นำเสนอบนสื่อของประเทศไทยในเวลานี้ โดยเฉพาะสื่อหลักอย่างสถานีโทรทัศน์ เกือบทุกช่องการนำเสนอข่าวสารที่เต็มไปด้วยประเด็นดราม่า การทะเลาะเบาะแว้ง การก่ออาชญากรรมรายวัน ความเชื่องมงาย และเรื่องราวอื่นๆ อีกมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ประกาศข่าว พิธีกรที่มีชื่อเสียงสามารถพูดคำหยาบคายด้วยอารมณ์กลางรายการสด เพื่อต่อว่าบุคคลที่ 2 หรือ 3 ได้ด นี่คือภาพสะท้อนว่าสังคมไทย รสนิยมคนไทย คุณภาพความรู้ของประชากรไทยนั้นเป็นอย่างไร?

อีกทั้งทีวีไทยยังมีอิทธิพลสูงต่อการรับรู้ของพลเมืองในประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งทำให้รสนิยมการเสพสื่อของเพื่อนบ้านก็แทบไม่ต่างจากไทย

แต่ถ้าหากลองมองดูประเทศที่มีระดับการพัฒนาสูงกว่าไทย อย่างสิงคโปร์ชาติพัฒนาแล้วหนึ่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พลเมืองของประเทศนี้รับชมอะไรกันบนหน้าจอทีวี ในบทความนี้จะเล่าให้อ่านกัน

สำหรับสิงคโปร์ มีฟรีทีวี 6 ช่องหลัก ซึ่งผลิตโดยสถานีโทรทัศน์ภายในประเทศ แบ่งออกเป็น 4 ภาษาคือ อังกฤษ จีน มาลายู และทมิฬ (อินเดีย) ได้แก่

🔹Channel 5 HD (อังกฤษ)
🔹Suria HD (มาลายู)
🔹Channel 8 HD (จีน)
🔹Vasantham HD (ทมิฬ)
🔹CNA HD (อังกฤษ)
🔹Channel U HD (จีน)

นอกจากนี้ยังรับสัญญานสถานีโทรทัศน์ของประเทศอื่นๆ ทั่วโลกมารับชมฟรีๆ บนหน้าจอทีวีโดยไม่ต้องมีการเพิ่มกล่องรับสัญญาณ หรือว่าจ่ายเงินซื้อแพคเกจเพิ่ม ทั้งทีวีของมาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย รวมทั้งสถานีโทรทัศน์สำคัญของโลกทั้ง CNN, BBC, NBC, CNBC, Bloomberg, KBS, SBS, NHK, France24, DW และอีกมากมายเกิน 50 ช่อง ซึ่งทั้งหมดล้วนดูฟรี

สำหรับช่องทีวีท้องถิ่นของสิงคโปร์ มีการผลิตและนำเสนอข่าวโดยมีสัดส่วนเนื้อหาเรื่องประเด็นเศรษฐกิจ การค้า การเงินเป็นหลัก เรียกว่าครองสัดส่วนข่าวในแต่ละช่วงสูงถึง 60% ทั้งข่าวจากในประเทศและต่างประเทศ โดยมีการนำเสนอในทุกๆ ภาษาที่ประชาชนใช้สื่อสาร

นอกนั้นก็เป็นความเคลื่อนไหวของนโยบายรัฐบาลที่จะส่งผลต่อประชาชน การ Take action ของผู้นำประเทศในเรื่องต่างๆ ที่ประชาชนต้องรู้ ข่าวต่างประเทศอื่นๆ ข่าวสังคม บันเทิง กีฬา รวมๆ กันอีก 40%

ความเจ๋งของข่าวในสิงคโปร์คือ ยังคงทำสกู๊ปเจาะลึกสถานการณ์ต่างประเทศ โดยเฉพาะชาติอาเซียนยาวครึ่งชั่วโมง เช่น การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียเรื่องน้ำมันปาล์มขาดแคลนกระทบทั้งโลก หรือแม้แต่สกู๊ปการเมืองไทยก็มี ซึ่งสื่อไทยในยุคก่อนก็เคยทำรายงานพิเศษในประเด็นเจาะลึกลักษณะนี้ แต่ในปัจจุบันได้หายไปจนเกือบหมดแล้ว แทบไม่เหลือให้ดูเนื่องจากค่าการผลิตสูง ใช้เวลานาน และไม่การันตีว่าทำแล้วจะมีคนดูหรือไม่?

ที่สำคัญคือ ผู้รายงานข่าวจะไม่มีการมานั่งสรุปวิเคราะห์ด้วยตัวเองเป็นฉากๆ แต่จะให้นักวิเคราะห์ที่อยู่สาขาวิชาชีพนั้นๆ เข้ามาคุยแบบแน่นๆ ทั้งการเชิญมานั่งคุยในสตูดิโอ หรือจะ Video Call เข้ามาเพื่อซึ่งมีทั้งนักวิเคราะห์ชาวสิงคโปร์และชาวต่างชาติ เนื่องจากประเทศนี้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการและสื่อสารภาษาจีนได้เลยทำให้โลกของข่าวสารค่อนข้างกว้างขวาง และไม่มีปัญหาเรื่องภาษา

ซึ่งข่าวแบบนี้ในช่องทีวีของไทย มักเป็นข่าวที่โดน Eject ออกหรือให้สัดส่วนท้ายๆ ในการนำเสนอ และให้พื้นที่ข่าวดราม่าต่างๆ แทนมากกว่า เพราะมันได้อารมณ์ ได้ความสะใจ ได้เรตติ้ง และที่ตามมาคือได้สปอนเซอร์จากเงินโฆษณา

จากการเลือกดูข่าวมาหลายช่วง ผู้เขียนพยายามดูว่ามีการนำเสนอข่าวที่คล้ายๆ ในไทยเช่นความเชื่องมงาย ข่าวการตบตีทะเลาะวิวาท ข่าวเน็ตไอดอลทำตัวหิวแสง หรือเอาโพสต์ยอดวิวยอดไลค์สูงๆ ในแพล็ตฟอร์อมโซเชียวมาทำข่าวหรือไม่

สรุปคือไม่มี…พยายามไล่ดูหลายช่องทั้งช่องภาษาอังกฤษ ภาษาจีน มาลายู ก็ไม่เจอนะ อาจเป็นเพราะสื่อหลักของประเทศนี้ถูกควบคุมและเซ็นเซอร์โดยรัฐก็ได้ เพราะสิงคโปร์ก็มีชื่อด้านกฎหมายที่เข้มงวดที่สุดในโลก แต่การควบคุมเนื้อหานั้นหากลองมองดูจริงๆ ก็ไม่ได้คุมจนขาดอิสระในการนำเสนอ เพราะสื่อของประเทศนี้ยังสามารถผลิตเนื้อหาได้อย่างเสรี แม้แต่การวิพากษ์วิจารย์รัฐบาลก็ทำได้เช่นกัน อีกทั้งสำนักข่าวทั้ง CNA หรือ The Straits Times ก็เป็นแหล่งอ้างอิงของสำนักข่าวต่างประเทศอื่นๆ เมื่อมีการกล่าวถึงสิงคโปร์เสมอ เพราะเนื้อหา การผลิต มีคุณภาพสูงมากเพียงพอที่จะเป็น Reference ได้

หรืออาจเข้าใจได้ว่าประเทศที่มีขนาดเล็ก ข่าวในประเทศเลยไม่มีความหลากหลายก็เป็นได้ แต่เมื่อมองอีกมุมก็คิดได้ว่า ด้วยสังคมสิงคโปร์เป็นประเทศพัฒนาแล้ว และเป็นศูนย์กลางธุรกิจ การค้า การเงินหลักของภูมิภาค เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทข้ามชาติจากทั่วโลก และคนที่นี่ทำงานในบริษัทเหล่านี้เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะด้านการเงิน ธนาคาร การลงทุน ที่จำเป็นจะต้องรับข่าวสารที่มีประโยชน์ ก็อาจทำให้มีการนำเสนอข่าวที่เป็นสาระจริงจังค่อนข้างมาก

หรือการให้น้ำหนักนำเสนอข่าวข่าวต่างประเทศ เพราะประเทศใช้ภาษาอังกฤษและจีนเป็นหลัก กำแพงภาษาแทบไม่มี และการที่เป็นประเทศแห่งการค้ามันเลยจำเป็นต้องรู้เรื่องของโลกให้มากเพื่อกำหนดทิศทางของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กลายเป็นข้อดีแทนว่าโลกมีทิศทางยังไง สิงคโปร์รับรู้ได้เกือบทั้งหมด โลกทัศน์เลยค่อนข้างกว้าง เพราะคนของเขาสามารถเข้าใจภาษาหลักของโลกที่มีคนใช้เยอะที่สุดอย่างอังกฤษและจีนได้

ขณะที่บ้านเราอาจเป็นเรื่องยากที่คนจะสนใจดูข่าวลักษณะนี้ เพราะมันไม่สนุก ไม่เร้าใจ ไม่ตื่นเต้น ไม่หวือหวา เหตุคนไทยเสพสื่อที่เน้นการมีอารมณ์ร่วมมากกว่าการได้เนื้อหาสาระที่สำคั

ถ้าไม่เชื่อก็ดูได้จากความนิยม เรตติ้ง หรือกระแสในบ้านเราได้ว่าอันไหนดังอันไหนแรง ก็ต่างเฮอะโลนนำเสนอเรื่องนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นข่าวลักษณะเดียวกันหมด

ขณะที่รายการข่าวด้านเศรษฐกิจก็มี แต่แค่มีไว้ให้รู้ว่ามีเท่านั้น ส่วนคนดูไม่ดูก็วัดได้จากเรตติ้งนั่นเองซึ่งอยู่อันดับรั้งท้ายตาราง

อย่างไรก็ตามทีวีถือว่าเป็นสื่อขั้นพื้นฐานที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้กว้าง ง่าย และไม่ต้องเสียเงิน การนำเสนอข่าวผ่านสื่อหลักที่มีผลต่อคนทั้งประเทศ เลยสะท้อนให้เห็นว่ากว่าที่เนื้อหาข่าวจะออกสู่สายตาคนดู มันต้องคิดมาแล้วว่าเผยแพร่ออกไปแล้วผลกระทบกับสังคมจะเป็นอย่างไร มีประโยชน์อะไรหรือไม่ที่จะต้องรู้ข่าวนี้ เพราะทุกอย่างมีต้นทุนของมัน ค่าการผลิตสื่อก็มีต้นทุนที่สูง

ดังนั้นสื่อในประเทศพัฒนาแล้วหลายๆ ประเทศไม่ใช่เพียงแค่สิงคโปร์ จึงมีความสำคัญต่อระบบสังคมอย่างมหาศาล ไม่ใช่พื้นที่เพื่อสร้างเรตติ้งเท่านั้น แต่มันเป็นการหล่อหลอมสังคมในประเทศนั้นว่าจะเดินไปในทิศทางใด และรสนิยมหรือคุณภาพประชากรในประเทศนั้นสูงหรือต่ำขนาดไหนอีกด้วย

ถามว่าเขามีรายการบันเทิง รายการร้องเพลง หรือข่าวซุปซิปดาราคนดังหรือไม่?….ก็พอมีบ้าง แต่ก็ไม่ได้ครองพื้นที่สื่อมากมายขนาดนั้น เพราะส่วนใหญ่ข่าวแนวๆ นี้จะอยู่ในช่องบันเทิงอยู่แล้วที่แยกต่างหากออกไป หรือไม่ก็ไปอยู่ในโซเชียลต่างๆ ให้คนได้เม้าส์มอยกัน แต่ยังไม่เจอข่าวประเภท ดาราคนนั้นแอบแซ่บกับนางเอกคนนี้ หรือดาราสิงคโปร์ต้องมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่าเลิกกัน เพราะมันถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล

ส่วนละครก็มีบ้างนะ แต่ละภาษาก็ผลิตละครของตนเอง ส่วนใหญ่เป็นละครภาษาจีน ฟิลคล้ายๆ ซีรีย์ฮ๋องกง ไต้หวัน แต่โปรดักชั่นอาจจะไม่หวือหวาขนาดนั้น และเนื้อหาค่อนข้างหนักและเครียด ไม่แซ่บ ไม่นัวเท่าไหร่ ออกไปทางละครเชิงสังคม ธุรกิจ ไม่ก็ไปทางประวัติศาลตร์ไปเลย ซึ่งเท่าที่ถามเพื่อนชาวสิงคโปร์ก็บอกว่า คนไม่ค่อยดูละครเท่าไหร่ นานๆ ทีจะมีละครเปรี้ยงๆ สักเรื่องนึง แต่ก็มีกลุ่มคนดูอยู่โดยเฉพาะแม่บ้าน

มองกลับมาที่ประเทศไทย และมุมมองของข่าวสารในประเทศไทย ทุกวันนี้หน้าจอทีวีช่องใหญ่ช่องหลักเรามีแต่ข่าวอะไรบ้างนั้น ก็น่าจะรู้ๆ กันอยู่ รายการข่าวที่มักเป็นกระแสส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาแนวไหน สไตล์ไหน ก็คงจะรู้ๆ กันอยู่

ดังนั้นจึงอาจพอจะประเมินได้ว่ารสนิยมการเสพข่าวของคนในประเทศนี้ส่วนใหญ่เป็นอย่างไร มันจึงไม่แปลกว่าทำไมสังคมเราถึงยังวนๆ กับเรื่องพวกนี้ไม่จบไม่สิ้นเสียที