SUMMARY : ถึงว่าทำไมรัฐบาลเขมรสั่งปิดข่าว ให้ลบภาพลบคลิปไฟไหม้พระบรมฉายาลักษณ์กษัตริย์แล้วลามไหม้วังจากความผิดพลาดในการจุดพลุในงานฉลองปีใหม่ เพราะงานนี้คนจัดงานคือ ‘ฮุน มานี’ รองนายกฯ เป็นน้องชาย ‘ฮุน มาเนต’ นั่นเอง แถมเจ้าหน้าที่ปิดปากเงียบ และมีการขู่คนเผยแพร่ภาพอาจโดนคดี

การจัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในกรุงพนมเปญ ที่รัฐบาลกัมพูชาโฆษณาว่านี่เป็นการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ และจะเป็นอีเวนท์ใหญ่สำคัญของปีที่จะใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังกัมพูชา เหมือนที่ไทยได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของการเฉลิมฉลองและการนับถอยหลังเคาน์ดาวน์ปีใหม่ของโลก

แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะเมื่อช่วงเที่ยงคืนของวัน 1 มกราคม 2025 หลังจากที่มีการนับถอยหลังเข้าสู่ศักราชใหม่ พร้อมกับจุดพลุเฉลิมฉลองจากด้านหลังเวทีของงาน ก็ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบันแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของเวที และอยู่ติดกับพระบรมราชวังจตุมุขมงคล ในกรุงพนมเปญ จากการที่สะเก็ดไฟจากพุลกระเด็นไปโดน

คลิปวิดีโอจากผู้ที่อยู่ในงานได้ถ่ายภาพเหตุการณ์เอาไว้และนำขึ้นโพสต์บนโซเชียลมีเดีย รวมทั้งการจัดงานนี้ได้ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศผ่านสถานีโทรทัศน์ของกัมพูชา เผยให้เห็นเปลวไฟที่ค่อยๆ ลุกไหม้ด้านหลังพระบรมฉายาลักษณ์ฯ พร้อมกับกลุ่มควันสีดำ ซึ่งเกิดขึ้นหลังการจัดแสดงพลุหลายชุด ก่อนจะตัดการถ่ายทอดสดไปอย่างรวดเร็ว

ไฟที่ไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ได้ลามไปติดกับอาคารที่อยู่ในพระบรมหาราชวัง ทำให้บางส่วนของอาคารเสียหาย ก่อนที่จะมีการรายงานว่าได้มีการสะกัดเพลิงเอาไว้ได้ทันไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้

ภาพและคลิปของเพลิงไหม้นั้นถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ และข้ามประเทศสู่สายตาผู้คนในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ และได้มีความเคลื่อนไหวจากสื่อโซเชียลมีเดียในกัมพูชา ในลักษณะของการโพสต์ข้อความขอความร่วมมือให้ประชาชนชาวกัมพูชา สื่อมวลชน และผู้ที่เข้าร่วมงานปีใหม่ทุกคน ‘งด’ เผยแพร่และส่งต่อภาพในช่วงที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ส่วนหนึ่งให้เหตุผลว่า เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ

นอกจากนี้มีการรายงานว่ากระทรวงพระราชวังกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงส่งท้ายปีเก่าว่า ขอให้คนที่บันทึกภาพและนำมาเผยแพร่ โปรดลบออกไปและอยู่ในความสงบ เพื่อรักษาหน้าตาของชาติเราใต้ร่มเงาของพระมหากษัตริย์ด้วย

ส่วนเพจ Police Cambo ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในกัมพูชา ได้เผยแพร่ข้อความ ห้ามประชาชนชาวกัมพูชาที่บันทึกภาพเหตุการณ์เพลิงไหม้นำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะและให้ทำการลบออก ก่อนจะทิ้งข้อความไว้ใต้ช่องแสดงความคิดเห็นว่า เป็นเพียงการ ‘ขอความกรุณา’ เท่านั้น

แต่ชาวกัมพูชาจำนวนมากต่างพูดคุยถกเถียงกันถึงการออกประกาศดังกล่าวว่า ไม่ได้เป็นเพียงแค่ขอความร่วมมือเพื่อรักษาหน้าของประเทศ แต่เป็นการออกคำสั่ง และให้ครฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี

กระแสที่เกิดขึ้นนั้นทำให้แทบไม่มีข่าวเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฎบนสื่อของกัมพูชาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว แต่สำหรับสื่อต่างประเทศที่ติดตามข่าวดังกล่าวก็ได้มีการวิเคราะห์ท่าทีปกปิดความผิดพลาดของกัมพูชา

รายงานจาก Radio Free Asia ระบุว่า การจัดงานในครั้งนี้ผู้ที่เป็นเจ้าภาพในการจัดงานและเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงคือ นายฮุน มานี ลูกชายอีกคนของประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรี สมเด็จฮุน เซ็น และเป็นน้องชายของนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต

โดยฮุน มานีดํารงตําแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงราชการพลเรือน อีกทั้งเป็นประธานสหพันธ์เยาวชนกัมพูชาหรือ UYFC ซึ่งเป็นปีกเยาวชนของพรรคประชาชนกัมพูชา

ตามรายงานของ Khmer Times โดยการจัดงานนี้ UYFC เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ซึ่งรวมถึงขบวนพาเหรดที่มีผู้เข้าร่วม 3,000 คน กลองยักษ์ และการแสดงละครแบบดั้งเดิม

หลังจากเหตุการณ์สงบลง ฮุน มานี ได้มีการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า “ในบรรยากาศที่สนุกสนานและรื่นเริง ทิ้งรอยยิ้มและความสามัคคีไว้เบื้องหลังในฐานะครอบครัวชาวเขมร”

“น่าเสียดายที่ในตอนท้ายของงาน เกิดเหตุไฟไหม้ที่ไม่คาดคิด ปัจจุบันทีมผู้จัดงานกําลังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อสืบสวนสาเหตุของเหตุการณ์”

ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน ปี 2023 ฮุน มานีและ UYFC ได้จัดงานฉลองปีใหม่เขมรที่วัดอังกอร์ในจังหวัดเสียมราฐ

อย่างไรก็ตาม นักวิชาการและผู้สังเกตการณ์ชาวกัมพูา ได้ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแม้จะเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ แต่ก็ถือว่าเป็นความประมาทที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่สัญลักษณ์สำคัญของประเทศ และถือว่าเป็นการกระทำที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญของกัมพูชาระบุกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของประเทศ อนุญาตให้อัยการฟ้องร้องทางอาญาในนามของสถาบันกษัตริย์กับใครก็ตามที่ถือว่าดูหมิ่นราชวงศ์

และนายฮุน มานี สมควรถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งละต้องมีการสืบสวนอย่างละเอียดและดำเนินคดี

ทั้งนี้ RFA ไม่สามารถติดต่อโฆษกศาลาว่าการกรุงพนมเปญ รวมทั้งไม่สามรถติดต่อกับนายฮุน มานีเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับไฟไหม้ที่เกิดขึ้น

สำหรับกัมพูชาถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีอันดับเสรีภาพของสื่อมวลชนอยู่ในระดับค่อนไปทางรั้งท้ายของโลก โดยอยู่อันดับที่ 151 จาก 180 ประเทศจากการจัดอันดับโดย Reporter Without Borders การรายงานข่าวไม่สามารถทำได้อย่างอิสระ และที่ผ่านมานับตั้งแต่ ฮุน เซน ขึ้นสู่อำนาจก็ได้มีการปิดปากสื่อฯ เซนเซอร์ข่าวสาร รวมทั้งสร้างโฆษณาชวนเชื่อที่เป็นภาพลักษณ์ที่ดีแก่ตนเองและวงศ์ตระกูล จนกระทั้งส่งมอบอำนาจให้กับลูกชาย สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด