วันหยุดยาวที่คนไทยได้พักจากการทำงานในที่สุดก็กำลังจะผ่านพ้นไป ช่วงวันหยุดที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่มาได้ถูกจังหวะ หลังจากก่อนหน้านี้มีหลายเหตุการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทำให้คนไทยเครียด ประจวบเหมาะกับการเดินทางของปี 2568 ที่มาได้เกือบจะครึ่งปีแล้ว ถ้าเราจะรู้สึกเหนื่อยล้ากับปีที่ยากลำบากแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก
ถ้าคุณผู้อ่านยังรู้สึกมีไฟ พลังกาย-พลังใจยังพร้อม แล้วพลันไปสังเกตุเห็นคนข้างกาย ที่อาจจะเป็นเพื่อนสนิท คนรัก หรือคนในครอบครัวที่รู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อ รู้สึกมีบางอย่างไม่ปกติ และคุณไม่รู้จะเข้าไปช่วยเหลืออย่างไร คำแนะนำต่อไปนี้คือคำแนะนำจากจิตแพทย์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ผู้เขียนหนังสือ ‘Why Has Nobody Told Med This Before’ หนึ่งในหนังสือที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเล่มหนึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขียนโดย Dr.Julie Smith
และ 17 ข้อต่อไปนี้คือสรุปคำแนะนำให้เรา เพื่อช่วยเหลือคนข้าง ๆ
- อย่าพึ่งจดจ่อกับการหาวิธีช่วยแก้ปัญหา คนส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการให้ใครมาบอกว่าต้องทำอะไร แต่ต้องการใครซักคนมาถามไถ่และแสดงความห่วงใย
- ถ้าคุณรู้ว่าคนที่คุณกำลังจะช่วยเหลือป่วยเป็นโรคอะไร (ได้รับการวินิจฉัยแล้ว) ให้ศึกษาว่าโรคนั้นส่งผลต่อคน ๆ นั้นอย่างไร รวมถึงหาความท้าทายที่คน ๆ นั้นจะต้องเผชิญ (ทำความเข้าใจคนที่เรารัก)
- อย่าลืมว่าคนที่เรากำลังช่วยเหลืออาจมีบางอย่างที่ต้องการในใจ อย่าลืมถามไถ่ความต้องการนั้น ถามว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง การกระทำนี้ยังเป็นการสื่อสารให้คนที่เราพยายามจะช่วยเหลือรับรู้ว่าเรายินดีที่จะรับฟัง
- จะรักใครต้องรักตัวเองก่อน การช่วยเหลือคนข้าง ๆ ย่อมส่งผลต่อสุขภาพจิตของตัวเราด้วย เราไม่อาจดูแลหรือช่วยเหลือคนข้างกายได้หากสุขภาพจิตของเราย่ำแย่ ดังนั้นอย่าลืมที่จะดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นฐานแค่ไหนก็ตาม เช่น การนอน การกิน การออกกำลัง ฯลฯ
- อย่าลืมที่จะหาที่ช่วยเหลือตัวเราด้วย การมีพื้นที่ปลอดภัยของตัวเราสำหรับการระยายความรู้สึกและหาทางไปต่อช่วยป้องกันให้ตัวเราไม่หมดพลังไปเสียก่อนขณะพยายามช่วยเหลือคนที่เรารัก
- กำหนดขอบเขตให้ตัวเราด้วย เมื่อเรารู้ค่านิยมและเป้าหมาของตัวเรา เราก็จะเดินหน้าผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้
- ทำแผนรับมือสถานการณ์วิกฤต ระบุว่าอะไรคือสัญญาณที่บ่งชี้ว่าสถานการณ์กำลังแย่ลง และทำรายการสิ่งที่จะทำให้ทุกคนปลอดภัยถ้าเกิดเหตุการณ์นั้น เช่น เขียนแผนรับมือ เขียนเบอร์โทรติดต่อบุคคลที่สำคัญ
- รับฟังด้วยความเห็นอกเห็นใจ อ่อนโยน ถึงแม้การรับฟังอาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา แต่การกระทำนี้จะช่วยให้คนที่อยู่ตรงหน้าเรารู้สึกได้รับความห่วงใย รู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง ส่งผลให้การฟื้นฟูจิตใจของคน ๆ นั้นดีชึ้น
- การช่วยเหลือใครซักคนไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำเรื่องใหญ่โตและจริงจัง การได้มีช่วงเวลาที่ได้สานสัมพันธ์กันแม้จะสั้น ๆ ก็มีความสำคัญ การพูดคุย การได้นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ จะช่วยให้คนตรงหน้าคุณโดดเดี่ยวน้อยลงและได้รับความห่วงใย
- ถ้าอยากให้ใครซักคนเปิดใจพูดถึงปัญหา ให้ใช้คำถามปลายเปิด ให้มากกว่าการได้คำตอบว่า ใช่/ไม่ใช่ เช่น เปลี่ยนจาก “คุณเป็นอะไรไหม” เป็น “ตอนนี้คุณคิดอะไรอยู่”
- ตั้งใจฟัง อย่าพึ่งเสนออะไรถ้าคนตรงหน้ายังไม่ได้ขอ
- ถ้าคนที่คุณกำลังฟังพูดว่ารู้สึกสิ้นหวัง ไร้ค่า มองไม่เห็นทางออก ให้รีบขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
- อย่ามองข้ามพลังพลังของการช่วยเหลือเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำ เพราะหากใครสักคนมีปัญหาด้ายสุขภาพจิตหรือสุขภาพกาย หรือเผชิญเหตุการณ์ที่ยากลำบากในชีวิต สถานการณ์เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะทำให้คน ๆ นั้นละเลยการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การกินอาหารให้ครบมื้อ การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การดูแลห้อง จุดเหล่านี้เราสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้
- ตระหนักถึงสถานการณ์ที่ทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าคุณรู้สึกเปราบางที่สุด ถ้าไม่รู้ให้ถาม เพื่อที่เราจะได้อยู่เคียงข้างเขาในเวลาที่เขาต้องการเราที่สุด การมีคนอยู่ข้าง ๆ ในช่วงเวลาสำคัญทำให้คน ๆ หนึ่งโดดเดี่ยวน้อยลง และมีความหมายต่อเขาอย่างมาก
- เราสามารถเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นได้ การช่วยเหลือใครซักคนไม่ได้แปลว่าต้องสนใจแต่เรื่องทุกข์ใจตลอดเวลา การเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่นบ้างอาจเป็นการเยียวยาที่ดี ที่เจ้าตัวไม่อาจทำได้ด้วยตัวเอง
- อย่าตั้งความหวังว่าคนเรากำลังช่วยเหลือจะต้องดีขึ้นหรือฟื้นตัวได้ทันทีทันใด ปัญหาที่ทุกคนเผชิญ โดยเฉพาะด้านสุขภาพจิตไม่ได้เรียบง่ายและเป็นเส้นตรง ย่อมมีทั้งวันที่ดีและเลวร้าย ทว่าการรายล้อมไปด้วยคนที่รักและเปิดใจยอมรับช่วงเวลาเหล่านี้จะทำให้คนที่เรากำลังช่วยเหลือยอมรับ เชผิญ และอยู่กับมันไปได้เช่นกัน
- ซื่อสัตย์ ถ้าอยากช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรให้เดินไปถามตรง ๆ หรือขอให้เขาช่วยบอกว่าอะไรคือการกระทำของเราที่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อตัวเขา การกระทำนี้จะช่วยให้ทุกฝ่ายกังวลน้อยลง และทำให้มั่นใจว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะไปได้ดีสำหรับทุกฝ่าย
จากคำแนะนำทั้ง 17 ข้อจะพบว่าการรับฟัง การอยู่ข้าง ๆ และการเข้าใจซึ่งสถานการณ์ที่คน ๆ หนึ่งเผชิญ คือหัวใจของการช่วยเหลือใครซักคน และการรักตัวเองก็สำคัญ เพราะก่อนจะไปดูแลใคร เอาใจใส่กับใคร เราต้องรักตัวเองให้ดีเสียก่อน ขอเน้นย้ำอีกครั้ง คำแนะนำเหล่านี้ไม่ได้มาจากนักเขียนของ Reporter Jouney แต่มาจากจิตแพทย์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี เช่นนั้นไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรถ้าจะนำคำแนะนำเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ขอเป็นกำลังใจให้คุณผู้อ่านทุกท่าน เราจะผ่านปี 2568 นี้ไปด้วยกัน
เริ่มจากวันพรุ่งนี้ วันที่เรากลับมาทำงานหลังวันหยุดยาว
อ้างอิง : Dr.Julie Smith, (2022) Why Has Nobody Told Me This Before ? วิชาสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนที่ชีวิตจะสอนคุณ.
