ก่อนจะให้เด็กเวียดนามเก่งภาษาอังกฤษ คุณครูต้องเก่งจริง ๆ ก่อน
หลังจากที่รัฐบาลเวียดนามประกาศนโยบายที่จะให้ภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษาราชการอีกหนึ่งภาษาภายในปี 2045 หรืออีก 20 ปีข้างหน้าที่คนเวียดนามทุกคน ทุกชนชั้นจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในระดับดี เพื่อเร่งพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะในด้านการศึกษาซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในการยกระดับพัฒนาประเทศตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ผ่านพ้นยุคสงครามเวียดนาม
แต่ก่อนที่จะเร่งพัฒนาแค่เด็กนักเรียนอยู่ฝ่ายเดียว คุณครู และอาจารย์ผู้สอนที่เป็นผู้ประสิทธิประสาทวิชาก็จะต้องพัฒนาตัวเองให้เก่งจริง ก่อนที่จะไปสอนเด็กๆ ด้วย และต้องผ่านการทดสอบด้านภาษาใหม่ไม่ว่าจะสอนวิชาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษก็ตาม
โดยนครโฮจิมินห์ที่เป็นดังศูนย์กลางความเจริญที่สุดของประเทศ ได้เริ่มต้นเป็นที่แรกซึ่งกรมการศึกษาและการฝึกอบรมนครโฮจิมินห์ได้มีการให้ครู-อาจารย์ทั้งหมดที่สอนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษากว่า 47,000 คน ซึ่งกรมการศึกษาและการฝึกอบรมนครโฮจิมินห์ต้องเข้ารับการสอบวิชาภาษาอังกฤษใหม่ทั้งหมด แม้ว่าจะไม่ได้รับผิดชอบสอนวิชาดังกล่าวก็ตาม หรือเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือสังคมศึกษา
ครูจะทําแบบทดสอบเป็นเวลา 90 นาทีเพื่อประเมินทักษะการฟัง การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ การประเมินจะเป็นไปตามมาตรฐาน Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) ซึ่งเป็นมาตรฐานภาษาอังกฤษของยุโรป ซึ่งแบบทดสอบนี้ได้รับการออกแบบและมีมาตรฐานโดยใช้ Cambridge Assessment English เทียบเท่ากับการสอบวัดระดับสากล TOEFL และ IELTS
โดยการสอบเริ่มต้นเมื่อวันที่ 23 เมษายนถึง 29 เมษายน เพื่อให้มั่นใจว่าครูผุ้สอนจะมีองค์ความรู้มากเพียงพอที่จะสามารถยกระดับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนทั่วเมืองได้อย่างแม่นยํา
ไม่เพียงแค่ที่นครโฮจิมินห์ ก่อนหน้านี้ก็มีการทดสอบคล้ายคลึงกันดําเนินการในกรุงฮานอยและเมืองงออัน ซึ่งวัดความชํานาญของครูผ่านการทดสอบที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น IELTS และ TOEIC แล้ว
สำหรับการทดสอบความรู้ด้านภาษาอังกฤษของครูในนครโฮจิมินห์ นายโฮ ตัน มินห์ หัวหน้าสำนักงานกรมการศึกษาและการฝึกอบรมนครโฮจิมินห์ ให้ข้อมูลว่าการสำรวจนี้มีวัตถุประสงคร์เพื่อต้องการก็ข้อมูลในเชิงลึกเพื่อประเมินว่า นครโฮจิมินห์มีความสามารถในการดำเนินโครงการเพื่อให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองในโรงเรียนได้หรือไม่ จึงจำเป็นต้องมีการประเมินประสิทธิผลการดำเนินงานของเมือง เริ่มดำเนินการแล้วระดับผลสัมฤทธิ์ของครูเป็นอย่างไรบ้าง? เช่น ควรสร้างบทเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนกี่บท ควรจัดกิจกรรมอะไรเป็นภาษาอังกฤษ จำเป็นต้องมีมุมมองแบบองค์รวมโดยคำนวณข้อมูลตามการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์
นายมินห์ยืนยันว่า การสำรวจดังกล่าวได้รับการวางแผนอย่างเหมาะสม และครูประถมศึกษา มัธยมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนปลายทุกคนต้องมีส่วนร่วม แต่ไม่ต้องกังวล
“เมื่อทำแบบทดสอบเสร็จแล้ว กรมฯ ไม่ได้ประเมินผลลัพธ์ของครู แต่ใช้ผลลัพธ์เป็นพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อวิเคราะห์ความสามารถทางภาษาอังกฤษของครูในนครโฮจิมินห์ในปัจจุบัน ผลลัพธ์ของแบบสำรวจเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาโครงการเพื่อค่อยๆ เปลี่ยนภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาที่สองในโรงเรียน ครูจะรวมอยู่ในเนื้อหาการฝึกอบรมหรือวิธีการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษและกิจกรรมภาษาอังกฤษในโรงเรียน”
เตรียมยกระดับภาษาอังกฤษทั้งประเทศในทุกวิชาเรียน
ฝ่าม ง๊อก เตือง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการและการฝึกอบรมของเวียดนาม ประกาศนโยบายโครงการระดับชาติที่ต้องการตั้งเป้าหมายให้นักเรียนทุกคนในเวียดนามใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองในการเรียนหนังสือในโรงเรียน ภายในปี 2035 โดยจะใช้ภาษาอังกฤษควบคู่ไปกับภาษาเวียดนามในการเรียนการสอนในโรงเรียน ซึ่งภาษาอังกฤษจะไม่ใช่แค่วิชาภาษาต่างประเทศที่สอนแค่ในชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษ แต่จะเป็นภาษาที่ใช้สอนวิชาอื่น ๆ ด้วย เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์ที่จะถูกสอนเป็นภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ นักเรียนจะต้องสื่อสารพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษภายในโรงเรียน ขณะนี้กําลังถูกนําร่องในมหาวิทยาลัยและโรงเรียนบางแห่ง
ฝ่ามเน้นย้ําถึงความสําคัญของการเรียนรู้จากประสบการณ์ระหว่างประเทศ และนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบททางการศึกษาของเวียดนาม โดยจัดลําดับความสําคัญในการพัฒนาได้แก่ การจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ การฝึกอบรมครู ความร่วมมือระหว่างประเทศ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการมีส่วนร่วมทางสังคมอย่างจริงจัง เพื่อให้มั่นใจถึงความสําเร็จของโครงการด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพสูง
นอกจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการสอน ซึ่งสามารถเชื่อมช่องว่างในระดับภูมิภาค ประหยัดเวลา และลดความต้องการแรงงาน
ในช่วงระหว่างปี 2022 – 2023 นักเรียนมากกว่า 2.9 ล้านคน หรือ 2 ใน 3 ของจํานวนทั้งหมดในประเทศได้พัฒนาระดับของภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเรียนภาษาอังกฤษตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาภายใต้โครงการของกระทรวงศึกษาที่สนับสนุนให้เรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนอย่างกว้างขวางตั้งแต่ 2008
เป้าหมายของเวียดนามคือ ต้องการนักเรียนบรรลุความสามารถระดับ 3 ในกรอบภาษาต่างประเทศ 6 ระดับของเวียดนาม เทียบเท่ากับ B1 ใน Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) ซึ่งหมายความว่าผู้เรียนจะสามารถใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจําวันและสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในชีวิตประจําวันหรือขณะเดินทางได้
สำหรับเวียดนามเป็นชาติที่มีระดับการพัฒนาภาษาอังกฤษโดยวัดจากดัชนีความสามารถทางภาษาอังกฤษ EF (EPI) ปี 2024 ที่เผยแพร่เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาพบว่า อยู่ในอันดับ 4 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย สูงกว่าอินโดนีเซีย เมียนมา อันดับ 93 กัมพูชา อันดับ 111 และไทย อันดับ 109 และอยู่อันกับที่ 63 จาก 116 ประเทศ
โครงการนี้สรุปเป้าหมายเฉพาะสําหรับการรวมภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองในทุกระดับการศึกษา ภายในปี 2035 โรงเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจะมีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษควบคู่กับภาษาเวียดนามแบบ 100% และขยายไปถึงสถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนทุกระดับภายในปี 2045
ภายในปี 2035 นักเรียนทุกคนตั้งแต่เกรด 1 – 12 จะปฏิบัติตามหลักสูตรภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองในระดับ 1, 2 และ 3 โดยทุกโรงเรียนจะเปิดสอนระดับสูงระดับ 4, 5 และ 6 ภายในปี 2045 มหาวิทยาลัยทุกแห่งจะนําเกณฑ์การวัดระดับทางภาษา 4, 5 และ 6 มาใช้ ในขณะที่สถาบันฝึกอาชีพทั้งหมดจะรวมหลักสูตรภาษาอังกฤษที่เน้นอาชีพเข้ากับหลักสูตรของตน
ภายในปี 2030 เวียดนามตั้งเป้าที่จะสร้างหลักสูตรภาษาอังกฤษภายในระบบการศึกษาต่อเนื่องให้เสร็จสิ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนที่เพิ่มขึ้น
ที่มา VN Express EF EPI