ธุรกิจร้านเครื่องดื่ม 2568 ยังโต
สวนทางกำลังซื้อผู้บริโภค

จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย เราคงคุ้นเคยดี (แม้จะไม่อยากคุ้นก็ตาม) กับข่าวการชะลอตัวลงของธุรกิจ การหดตัวของกำลังซื้อจากผู้บริโภค ทว่ามีหนึ่งในธุรกิจที่เหมือนว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไหร่นัก นั่นคือ ‘ธุรกิจร้านเครื่องดื่ม’ โดยข้อมูลที่ยืนยันเรื่องนี้มากจาก ‘ศูนย์วิจัยกสิกรไทย’ หนึ่งในสถาบันที่ใกล้ชิดกับสถาบันการเงินที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเงินทุนของผู้ประกอบการ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าปี 2568 ธุรกิจร้านเครื่องดื่มยังเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2567 ทั้งในด้านของการลงทุนและด้านของมูลค่าการตลาด สะท้อนจากทั้ง 1) จำนวนร้านเครื่องดื่มที่เปิดใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าประเทศไทยอาจมีร้านเครื่องดื่มถึง 131,000 ร้าน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 4.8% และ 2) การลงทุนและเข้ามาทำตลาดของผู้ประกอบการต่างชาติ และการที่ตลาดเครื่องดื่มประเทศไทยมีร้านเครื่องดื่มทางเลือกอื่น ๆ นอกเหนือกาแฟมาเปิดเพิ่มขึ้น เช่น ร้านน้ำผักผลไม้ปั่น ร้านชานม ชาเขียว

แล้วทำไมธุรกิจเครื่องดื่มถึงโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ธุรกิจประเภทนี้มีแรงหนุนจากอะไรบ้าง ?

ผู้ประกอบการรายเดิมผลักดันแบรนด์ตัวเองต่อเนื่อง

แรงหนุนประการแรกที่ทำให้ธุรกิจร้านเครื่องดื่มเติมโตมาจากผู้ประกอบการรายเดิมขยายสาขา และมีการเพิ่มแบรนด์ใหม่ ๆ ในพอร์ตการลงทุนเพื่อให้แบรนด์ตนตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลายกลุ่มและหลายราคา เป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มยอดขายของรวมและสร้างกำไรให้กับธุรกิจของตัวเอง

มีูผู้ประกอบการรายใหม่เข้าตลาดเสมอ

ธุรกิจร้านเครื่องดื่มคือหนึ่งในธุรกิจที่มีผู้ประกอบการรายใหม่สนใจเข้ามาลงทุนในตลาดเสมอ เราจะสังเกตุว่าเรามักพบเห็นร้านเครื่องดื่ม ร้านกาแฟ ร้านชาชื่อแปลก ๆ เปิดใหม่เสมอในทุก ๆ หัวมุมของห้างสรรพสินค้าและตามหัวมุมถนน มากไปกว่านั้นเราอาจเจอร้านเครื่องดื่มที่มีความเฉพาะมาก ๆ เพื่อเจาะกลุ่มตลาด Niche Market เช่น เครื่องดื่มสุขภาพพรีเมียมแบรดน์ต่าง ๆ ที่มีราคาต่อแก้วสูง

นักลงทุนต่างชาติพร้อมเข้ามาในธุรกิจเสมอ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าจดทะเบียนใหม่จากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น 13.9% จากทะเบียน ณ สิ้นปี 2567 โดยเบอร์ 1 ที่มาจดทะเบียนลงทุนในบ้านเราส่วนใหญ่มาจากจีน ด้วยมูลค่าราว ๆ 80 ล้านบาท รองลงมาเป็นเกาหลีใต้ ราว ๆ 30 ล้านบาท และตามมาด้วยนักลงทุนจากอังกฤษราว ๆ 20 ล้านบาท

กลุ่มพรีเมียมทำตลาดมากขึ้น

ตอนนี้ถ้าเรามองไปที่ตลาดเครื่องดื่ม เดินผ่านร้านเครื่องดื่มและเจอชื่อร้านแปลก ๆ ชวนชิม เราจะพบว่าเมนูแต่ละเมนูมีราคาที่สูงกว่าที่เราคาดคิด เรื่องนี้ไม่ใช่เพราะเราคิดไปเอง ทว่าเป็นเพราะตลาดเครื่องดื่มปัจจุบันมีกลุ่มร้านที่เป็นพรีเมียมเข้ามาทำตลาดมากขึ้น ซึ่งร้านกลุ่มนี้มีราคาเครื่องดื่มเฉลี่ยต่อแก้วสูงถึง 100 บาท ไม่เพียงเท่านั้น ร้านเครื่องดื่มทั่ว ๆ ไปก็มีราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณ 9% จากปีก่อนหน้า จากต้นทุนการทำธูรกิจที่ปรับตัวสูงขึ้น

จากแรงหนุนข้างต้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ธุรกิจเครื่องดื่มจะโดดเด่นท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจบ้านเรา คือต้องยอมรับว่ากลุ่มธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีความใกล้ชิดกับผู้บริโภค เช่น ผู้บริโภคที่หันไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟมากขึ้น ผู้บริโภคอยากลองเครื่องดื่มที่แปลกใหม่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนในบ้านเรา หรือแม้แต่เป็นพื้นที่ที่ 3 ในการพบปะของผู้คน

ทว่าท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดแบบนี้แม้ตลาดจะโต ผู้บริโภคได้ประโยชน์จากการมีตัวเลือก แต่ขณะเดียวกันก็เป็นความท้าทายต่อผู้ประกอบการร้านเครื่องดื่มที่จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือกเดินเข้าร้านเราแทนที่จะเป็นร้านข้าง ๆ

ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย