ทำไมเราถึงเชียร์มวยรอง ?

“นักมวยโนเนมคนนี้ที่กำลังจะชิงแชมป์ เติบโตขึ้นมาจากค่ายมวยที่ไกลปืนเที่ยง”
“เด็กคนนั้นที่แข่งบนเวที ตั้งใจอ่านหนังสือเองทุกคืนหลังทำงานเสริมเสร็จ”
“ทีมฟุตบอลทีมนี้ไม่เคยได้แชมป์อะไรเลยในประวัติศาสตร์สโมสร ตัวผู้เล่นก็เป็นรองกว่า แต่กำลังจะเข้าชิงแชมป์รายการใหญ่”
ฯลฯ

แค่อ่านเรื่องราวเบื้องหลังของคนเหล่านี้ ทีมเหล่านี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็พร้อมที่จะปันใจเชียร์อย่างเต็มที่เป็นแน่ เราอยากให้นักมวยโนเนมเป็นแชมป์ เราอยากให้เด็กที่สู้ชีวิตเป็นแชมป์ เราอยากให้สโมสรฟุตบอลทีมเล็ก ๆ พลิกมาคว้าแชมป์ในเกมนัดชิงให้ได้ ผู้คนส่วนใหญ่ลึก ๆ แล้วมีแนวโน้มที่จะเทใจให้มวยรองเสมอ และพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ไทย

เรื่องนี้ถูกยืนยันโดยนักวิทยาศาสตร์และการสำรวจหลาย ๆ งานที่เคยจัดขึ้น บทความนี้จะพาไปดูเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้คนส่วนใหญ่พร้อมใจที่จะเชียร์มวยรอง

1. เราเชียร์ทีมที่เป็นรองเพื่อผลลัพธ์ของความสะใจ

‘คุณโกลชมิด’ (Nadav Goldschmied) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเสนอความเห็นว่า ความรักและแรงใจที่เรามีต่อทีมที่ด้อยกว่านั้นโดยพื้นฐานแล้วเป็นการแสดงออกถึงความสะใจ ไม่อยากให้ทีมที่เก่งกว่า เหนือกว่า หรือเป็นแชมป์มาตลอดได้รับชัยชนะเสมอไป ด้วยแนวคิดนี้เราจึงเชียร์ให้ทีมคู่ตรงข้ามที่เหนือกว่าเป็นฝ่ายแพ้

2. ลึก ๆ แล้วเราอยากให้ทุกอย่างบนโลกเกิดความแฟร์

บนโลกใบนี้ล้วนเต็มไปด้วยความไม่เท่าเทียมกันในด้านของต้นทุน ไม่ว่าจะจากทุนมนุษย์ หรือทุนทรัพย์ ซึ่งปัจจัยตรงนี้อาจมีความใกล้เคียงหรือบังเอิญไปสร้างประสบการณ์ร่วมกับสิ่งที่เราเคยเผชิญมาในอดีต

ซึ่งตรงนี้เองที่คุณโกลชมิดได้ทำการจำลองการแข่งขันของทีม 2 ทีม ทีม A มีโอกาสชนะสูง ในขณะที่ทีม B มีโอกาสชนะที่ต่ำกว่่า ทว่าทีมวิจัยได้บอกผู้เข้าร่วมการทดลองว่า รู้ไหมว่าทีม B (ทีมที่มีโอกาสแพ้) คือทีมที่ใช้เงินเยอะกว่า มีต้นทุนที่ดีกว่าทีม A

ผลลัพธ์คือหลายคนไม่ได้เลือกที่จะเชียร์ทีมที่มีโอกาสแพ้ แต่ก็ยังคงเชียร์ทีม A เหมือนเดิม เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าองค์ประกอบเบื้องหลังที่เรารับรู้ (ทีม B ทีมที่มีโอกาสแพ้คือทีมที่มีต้นทุนที่ดีกว่า) มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ชมเลือกที่จะเชียร์ทีมที่ “เหมาะสมที่จะชนะ”

ดังนั้นทีมที่ควรจะชนะในครั้งนี้ก็คือทีมที่ไม่ได้มีต้นทุนที่ดีกว่าสิ เพื่อความแฟร์ เพื่อโลกที่ยุติธรรม

3. เพราะไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง

นักจิตวิทยาพบข้อค้นพบลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้งว่า “หากเราไม่คาดหวัง เราก็จะไม่ผิดหวัง” การเชียร์ทีมที่เป็นรองจะทำให้เราเสียใจน้อยกว่าหากทีม ๆ นั้นแพ้ ทว่าหากทีมที่เป็นรองชนะ เรากลับจะได้รับความปิติยินดีที่มากขึ้น สะใจมากขึ้น เป็นความสุขที่หาไม่ได้จากการเชียร์ทีมยักใหญ่

ถ้าทีมที่เหนือกว่าแต่เล่นผิดพลาด ทำไม่ได้ ยิงประตูไม่ได้ แข่งไม่ชนะ เราก็มีแนวโน้มที่จะอารมณ์เสีย กลับกัน ถ้าทีมที่เป็นรองทำผลงานได้ดี เล่นได้เข้าตา เราก็มีแนวโน้มที่จะสะใจเป็นอย่างมาก หรือแม้ทีมที่เป็นรองจะผิดพลาด เราก็จะไม่อารมณ์เสียมากนัก เพราะเราไม่ได้คาดหวัง เราจึงไม่ผิดหวัง (ความรักก็เช่นกัน)

4. พลังของ Storytelling ของทีมที่เป็นรอง

จริง ๆ ถ้าไปย้อนดูหนังภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องที่ฉายบนโลกใบนี้ “ตัวพระเอก” ล้วนเป็นคนสู้ชีวิต เป็นคนที่ไม่ได้มีต้นทุนที่ดีเมื่อเทียบกับ “ตัวร้าย” ของภาพยนตร์

การได้สัมผัสประสบการณ์การดูภาพยนตร์ที่ต้องเห็นตัวเอกของเรื่องก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ที่ต้องพบเจอตลอดการเดินทางทำให้เราเอาใจช่วยตัวละคนนั้นอย่างเต็มที่เพื่อให้พระเอกได้พบเจอปลายทางของการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความสุขของตัวละครนั้น ๆ

และเรื่องราวของทีมที่เป็นรองที่เราได้รับจากหน้าสื่อต่าง ๆ ดันไปทำหน้าที่เหมือนกับเรื่องราวของตัวเอกที่ถูกนำเสนอจากภาพยนตร์ที่เราเคยดู การปันใจที่จะเชียร์ทีมที่เป็นรองกว่าจึงเกิดขึ้นได้ง่าย เรื่องนี้สะท้อนว่าการนำเสนอของสื่อก็เป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ที่ทำให้คนเลือกที่จะเชียร์ทีมที่เหมาะสมกับชัยชนะ (จากข้อ 2)

สุดท้ายนี้ผู้เขียนมองว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้คนเชียร์ทีมที่เป็นรองกว่าเกิดจากข้อได้เปรียบบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจของคนดูอย่างไม่ทันตั้งตัวจาก Storytelling ผู้คนทั่วโลกต่างชอบเรื่องเล่า และพร้อมที่จะมีอารมรณ์ร่วมไปกับเรื่องราวเหล่านั้น ทว่าจะมีแค่เรื่องเล่าก็ไม่ได้ แต่จำเป็นต้องสื่อสารออกไปด้วยไม่ว่าจะช่องทางใดก็ช่องทางหนึ่ง หรือที่ดีที่สุดในยุุคนี้คือต้องสื่อสารในทุกช่องทางที่ ๆ มีกลุ่มฐานแฟนคลับของเราอยู่

ดังนั้นทีมฟุตบอลโรงเรียนเล็ก ๆ ทั่วประเทศไทยคงรู้แล้วใช่ไหมว่าจะต้องทำอย่างไรให้การแข่งขันครั้งหน้าทีมของเราได้รับแรงใจจากคนไทยทั้งประเทศ และเรื่องนี้ทีมฟุตบอลและโค้ชคงทำเองทั้งหมดไม่ได้ แต่ต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจในภาคส่วนอื่น ๆ มาร่วมด้วยช่วยกัน

อ้างอิง
VOX
BBC

เด็กหนุ่มจากราชบุรี ที่ยังคงลองผิดลองถูกเสมอมา