“การท่องเที่ยว ‘เดอะแบกหลังแทบหักของประเทศไทย’ เครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวเดียวที่เหลืออยู่ เพราะอุตสาหกรรมอื่นสู้ใครไม่ได้แล้ว ถ้าดับอีกตัวคือจบ โดยต่างชาติเดินทางเข้าไทยกว่า 19 ล้านคน โกยรายได้กว่า 9 แสนล้านบาท อัตรานักท่องเที่ยวฟื้นตัวคงระดับเหนือ 90% มา 3 เดือนติดแล้ว”
ตอนนี้สถานการณ์การท่องเที่ยวของคนต่างชาติในประเทศกำลังอยู่ในทิศทางที่พอจะทำให้ประเทศไทยใจชื้นได้บ้าง จากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยตอนนี้สูงถึง 19 ล้านคน และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทยกว่า 9 แสนล้านบาท
จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดย SCB EIC แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 เดือนตุลาคมมีอัตราการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 71% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 (ปีที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19) และตัวเลขการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวก็ค่อย ๆ เพื่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนนั้น จนถึงตอนนี้
โดยเราจะเห็นทิศทางการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยได้ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว
-ตุลาคม 2666 มีอัตราการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 71%
-พฤศจิกายน 2566 มีอัตราการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 78%
-ธันวาคม 2566 มีอัตราการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 83%
และเมื่อเข้าสู่ปี 2567 ตัวเลขการฟื้นตัวก็พุ่งสูงถึง 96% เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และตั้งแต่เดือนนั้นประเทศไทยก็มีอัตราการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติคงระดับเหนือ 90% เป็นเวลา 3 เดือนติด
-มิถุนายน 2567 : 90%
-กรกฎาคม 2567 : 93%
-สิงหาคม 2567 (คาดการณ์) : 94%
และในช่วงครึ่งปีหลังนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มที่จะ ‘เร่งตัวขึ้น’ จากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่
1.มาตรการวีซ่าใหม่ที่พึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม เช่น การฟรีวีซ่า 60 วัน จาก 93 ประเทศ, วีซ่าประเภท DTV ที่เป็นวิซ่าสำหรับท่องเที่ยวและทำงานไปด้วย หรือแม้แต่สิทธิขยายเวลาอยู่ไทยสำหรับนักศึกษาต่างชาติ (สอดรับกับสถานการณ์ที่หลาย ๆ สถาบันอุดมศึกษาในไทยรับนักศึกษาจีน และนักศึกษาต่างชาติ)
2.การขยายเที่ยวบินของสายการบิน เช่น ข้อตกลงในการเพิ่มที่นั่งในเที่ยวบินระหว่างไทย-อินเดีย, การเปิดเส้นทางใหม่ทั้งเส้นทางยุโรปและจีน หรือแม้แต่การเพิ่ม slot เที่ยวบินจากจีนมาไทย
3.งานอิเวนต์ขนาดใหญ่ที่จะจัดที่ไทย เช่น เทศกาลดนตรีต่าง ๆ, คอนเสิร์ตจากศิลปินระดับโลก, งานเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ที่จะจัดขึ้นตามประเพณีในไทย หรือแม้กระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่มีงาน ‘ลาบูบู้เที่ยวไทย’ สำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนโดยเฉพาะ
จนถึงตอนนี้ในประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจากประเทศ ‘จีน ‘มากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ที่ราว ๆ 3.4 ล้านคน ตามมาด้วยมาเลเซีย ประมาณ 2.4 ล้านคน และอินเดียประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งต้องบอกว่าการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวยังส่งผลต่อภาคการบริการในประเทศไทยด้วย ซึ่งเป็น 2 ใน 3 sector ที่เป็นเหมือนแรงส่งไปสู่เศรษฐกิจไทย (อีก 1 sector ที่เป็นแรงส่งคือภาคการส่งออก)
ซึ่งสถานการณ์การท่องเที่ยวของคนต่างชาติที่พอจะทำให้ประเทศไทยยิ้มได้นั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากนโยบายต่าง ๆ ที่ภาครัฐผลักดัน ซึ่งเมื่อตอนต้นปีภาครัฐได้มีการ ‘ตั้งเป้า’ ว่าการท่องเที่ยวไทย ปี 2567 นี้ จะต้องสร้างรายได้ให้คนในประเทศที่ 3.5 ล้านล้านบาท (ตอนนี้มีการคาดการณ์ว่าสร้างรายได้แล้วที่ 9 แสนล้านบาท ยังเหลืออีกเกือบ ๆ 4 เท่าในเวลาครึ่งปี)
ณ เวลานี้ ต้องมาติดตามกันว่าในครึ่งปีหลังการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะยังสามารถเป็น ‘เดอะ แบก’ ไปได้ต่อหรือไม่ เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยเคยแบก GDP ของประเทศไทยไว้ถึง 18% เคยเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดันที่ 13 ของโลก และที่ 3 ของเอเชีย การจะกลับไปจุดนั้น หรือทำได้ดีกว่าเดิมย่อมมีความเป็นไปได้ และขอส่งแรงใจให้ทำให้ได้ เพราะตอนนี้ภาคการท่องเที่ยวสำคัญต่อประเทศไทยจริง ๆ
เรื่อง: กฤชพนธ์ ศรีอ่วม
อ้างอิง: SCB EIC