เวียดนามเติบโตแรง GPD ไตรมาส 2/2024 โตเกือบ 7% ส่งออกโตโดยพระเอกเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง กลายเป็นผู้ส่งออกสินค้าไฮเทคอันดับ 7 ของโลก
.
ยังคงเติบโตร้อนแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับเศรษฐกิจเวียดนาม ที่ล่าสุดสำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) เพิ่มขึ้น 6.93% ในไตรมาสที่ 2/2024 เติบโตเพิ่มขึ้นกว่าไตรมาสแรกที่ 5.66% เป็นการเติบโตทะลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ 6% ทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตมากที่สุดในเอเชีย ณ ขณะนี้
.
สิ่งที่ทำให้เวียดนามยังคงเติบโตต่อเนื่องมาจากภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
.
อีกทั้งภาคการผลิตก็เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยผลผลิตเพิ่มขึ้น 8.67% ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว
.
ส่วนภาคส่งออกเรียกสามารถรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องซึ่งขยายตัวที่ 12.5% ในไตรมาส 2 โดยสินค้าส่งออกดาวเด่นสำคัญก็คืออาการทะเล และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการที่เวียดนามเป็นฐานการผลิตหลักของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกที่กำลังเติบโตและมีความต้องการสูงไม่ว่าจะเป็น Samsung ที่ใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตใหญ่ที่สุดนอกเกาหลีใต้ คิดเป็น 60% ของทั้งโลก รวมทั้ง Apple ที่ชิ้นส่วนอุปกรณ์รวมทั้งสินค้าของบริษัทก็ผลิตในเวียดนาม โดยเฉพาะ iPhone ที่สัดส่วนการผลิต ณ ปัจุบันคิดเป็น 40% และได้ย้ายฐานการผลิตสินค้าประเภทอื่นที่เคยมีโรงงานในจีนมาที่เวียดนามแทนอีกด้วย
.
เวียดนามได้ชิงส่วนแบ่งตลาดส่งออกเทคโนโลยีมาจากจีนบางส่วน กลายเป็นผู้รับผลประโยชน์รายใหญ่ที่สุดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
.
ด้วยจุดยืนที่ค่อนข้างเป็นกลางบนเวทีการค้าโลกในสายตาบริษัทต่างชาติ ทำให้บริษัทเหล่านี้เลือกเวียดนามเป็นฐานการลงทุนที่เปิดรับจากการแข่งขันจากทั้งชาติมหาอํานาจทั้ง 2 ฝั่ง โดยที่ Apple ย้ายออกจากจีนมาเวียดนามก็ให้การต้อนรับ และยินดีต้อนรับ Huawei ที่จะมาลงทุนในเวียดนามอีกด้วยเช่นกัน
.
นอกจากนี้ยังเป็นฐานการผลิตของ Foxconn, Intel และบริษัทเทคโนโลยีอีกมากมายที่ปักหลักอยู่ในเวียดนามเพื่อส่งออกไปยังตลาดโลก
.
ปัจจุบันเวียดนามกลายเป็นผู้ส่งออกสินค้าไฮเทคอันดับที่ 7 ของโลก แต่ก็มีศักยภาพที่จะขยับขึ้นสู่อันดับ 4 รองจากจีน ไต้หวัน และเยอรมนี จากการเติบโตของเวียดนามที่ไม่มีคู่แข่ง ซึ่งสินค้าไฮเทคที่มีส่วนแบ่งการส่งออกของเวียดนามแตะ 42% ในปี 2020 เพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2010
.
เวียดนามกำลังเดินตามรอยเท้าของจีนในความพยายามที่จะเป็นเศรษฐกิจที่มีรายได้ปานกลางระดับบน แต่ต่างจากจีนตรงที่ทุนนิยมของรัฐเวียดนามถูกมองว่าไม่คุกคามเศรษฐกิจตะวันตกและเอเชีย ด้วยนโยบายต่างประเทศที่ “เป็นอิสระ” เวียดนามสามารถป้องกันความเสี่ยงและเติบโตในสภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน
.
แม้เวียดนามจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในตอนนี้และมีเป้าหมายที่จะโตให้ได้ในกรอบ 6-6.5% ในปี 2024 แต่เวียดนามก็ยังมีความเสี่ยงสูงในแง่ของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอต่อการเติบโต ซึ่งยังอยู่ในระดับการลงทุนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และความไม่เสถียรของแหล่งพลังงานไฟฟ้า ที่เกิดปัญหาไฟฟ้าดับอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอุปสรรค์ในการดึงดูดการลงทุนของอุตสาหกรรมไฮเทคที่สูงขึ้นกว่าโดยเฉพาะไมโครชิป และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งรัฐบาลเวียดนามมองเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเร่งเพิ่มเงินลงทุน และปรับปรุงแหล่งพลังงานของประเทศให้มีความเสถียร
.
แม้ประเทศโตเร็ว แต่อยู่ในมือต่างชาติแทบทั้งสิ้น
.
การที่เวียดนามเป็นฐานการผลิตของบริษัทข้ามชาติจากทั่วโลกนั้น นับว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเวียดนามมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมาโดยตลอดหลังฟื้นตัวจากสงครามเวียดนามที่ทำให้หลายฝ่ายมองว่า นี่อาจจะเป็น “เสือเศรษฐกิจ” ตัวใหม่ของเอเชียที่จะก้าวขึ้นมาครองพื้นที่หัวแถวทัดเทียมประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของภูมิภาค
.
แต่นั้นอาจเร็วไปที่จะด่วนสรุปการเป็น “เสือเอเชีย” เพราะเวียดนามยังไม่สามารถต่อยอดพัฒนานวัตกรรม หรือการมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองได้เหมือนกับ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และจีน ที่ได้ไต่ระดับจากการผลิตที่มีเทคโนโลยีต่ำไปสู่การผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงของตัวเองจนเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก
.
เวียดนามอาจต้องใช้เวลาประมาณ 15 ปีกว่าที่ GDP ต่อหัวของชาวเวียดนาม ซึ่งอยู่ที่ 4,320 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 จะเทียบเท่า GDP ต่อหัวของชาวจีนในปี 2023 ที่ 12,540 ดอลลาร์ ซึ่งต้องสามารถรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตรานี้โดยไม่มีอะไรมาทำให้สะดุด หรือสะดุดขาตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
.
ในขณะที่การส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงของเวียดนามกําลังกระตุ้นการเติบโตของประเทศ แต่ก็พึ่งพาปัจจัยการผลิตนวัตกรรมจากต่างประเทศมากเกินไป โดยประมาณ 70% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของเวียดนามขับเคลื่อนและถูกยึดครองโดยบริษัทต่างชาติ
.
ศักยภาพการเติบโตของ GDP ต่อหัวของเวียดนามยังต่ำกว่าเสือเศรษฐกิจเอเชียชาติอื่น ๆ อย่างมีนัยสําคัญ เป็นเพราะผลิตภาพปัจจัยรวม (TFP) และทุนมนุษย์ของเวียดนามยังไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยปัจจัยการผลิตภายในประเทศได้ และการพัฒนาของเทคโนโลยีภายในประเทศยังไม่เกิดขึ้นเร็วพอ
.
แต่ข้อดีของการไหลบ่าเข้าไปของ FDI ในปัจจุบันจากบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ ทําให้เวียดนามมีเวลามากขึ้นในการจัดการกับการพึ่งพาปัจจัยการผลิตนวัตกรรมจากต่างประเทศ ถ้าหากรัฐบาลเวียดนามมีอำนาจต่อรองมากพอที่จะเจรจากับบริษัทข้ามชาติเหล่านี้เหมือนกับจีน ที่หากบริษัทใดต้องการเข้าไปลงทุนจะต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เวียดนามด้วย
.
ตัวอย่างเช่น รัฐบาลเวียดนามสามารถดึงดูดให้ Apple ลงทุนในการวิจัยและพัฒนา และกระชับความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยและนักศึกษาเวียดนามให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับที่ Apple ทําในประเทศจีน
.
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เวียดนามเริ่มลงมือทำอย่างจริงจังแล้วคือ การปราบปรามการคอรัปชันในประเทศอย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นภาพลักษณ์สำคัญที่ทำให้เวียดนามกำลังถูกมองในมุมบวกมากขึ้นจากนานาชาติในเรื่องความโปร่งใส การกำกับดูแลตลาด และทำให้ประเทศเป็นจุดหมายการลงทุนของบริษัทต่างชาติที่มีความเป็นมิตรกับธุรกิจมากขึ้น
.
Source
https://asia.nikkei.com/Economy/Vietnam-GDP-grew-6.93-in-Q2-with-risks-to-recovery-high?fbclid=IwY2xjawDwX2JleHRuA2FlbQIxMAABHXhSkUt24mrlpeR9f9XEj9Yba33ejmIqHWfLOa0YUxJdFjZ3Bs_6WCfdGw_aem__NvSdnrD-7-o-RYupbZYQQ