ผ่านมาแล้วกว่า 1 วันหลังจากวันที่ 2 เมษายน 2568 วันที่ทรัมป์เรียกว่าเป็นวันปลดแอกสหรัฐอเมริกา ตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศพากันกอดคอร่วง ไม่แน่ใจว่าวันปลดแอก หรือวันพอร์ทแตกกันแน่ กำแพงภาษีทั้ง 3 รูปแบบไม่ว่าจะเป็นภาษีพื้นฐาน ภาษีรถยนต์ และภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ต่างส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อทุกประเทศ

ก่อนหน้านี้ทีม Reporter Journey ได้รวบรวมบทวิเคราะห์ แนวทางการรับมือ และผลกระทบจากกำแพงภาษีไปแล้ว โพสต์นี้เลยขอพาไปดูท่าทีของบรรดาผู้นำ และกระทรวงที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศ ว่าหลังจากเจอวันปลดแอกสหรัฐอเมริกาเข้าไป เป็นอย่างไรกันบ้าง

ยุโรป หลังโดนภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ 20%

ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ‘อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน’
(Ursula Von Der Leyen)

“การประกาศจัดเก็บภาษีของทรัมป์ ถือเป็นการโจมตีเศรษฐกิจโลกครั้งยิ่งใหญ่ จากนี้ความไม่แน่นอนจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น การกระทำนี้จะกระตุ้นให้เกิดการกีดกันทางการค้าจากทั่วทุกมุมโลก และผลที่ตามมาจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับผู้คนนับล้าน

ขณะนี้เรากำลังสรุปมาตรการตอบโต้แผนแรก เพื่อรับมือกับภาษี มากไปกว่านั้นเราก็กำลังเตรียมมาตรการตอบโต้แผนอื่น ๆ อีกเพื่อปกป้องผลประโยชร์ของพวกเรา หากการเจรจาล้มเหลว”

เยอรมัน ประเทศในสมาชิกสหภาพยุโรป

นายกรัฐมนตรี ‘โอลัฟ ช็อลทซ์’ (Olaf Scholz)

“ในมุมมองของผม การตัดสินใจของทรัมป์ถือว่าพลาดมหันต์ การตัดสินใจนี้ถือเป็นการโจมตีระบบการค้าที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองไปทั่วโลก ซึ่งอเมริกาก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ประโยชน์จากระบบการค้านี้

เราต่างต้องการความร่วมมือ ไม่ใช่การเผชิญหน้า เราจะต้องปกป้องผลประโยชน์ของเรา ยุโรปจะตอบสนองต่อปัญหานี้ด้วยความสามัคคี และเรื่องที่เราเผชิญอยู่นี้เป็นเหตุการณ์ที่เราพบได้ในตำราเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับสงครามการค้า ที่มีอยู่ในตำรามาเป็น 100 ปีแล้ว”

ด้านรัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี ‘โรเบิร์ต ฮาเบ็ค’ กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่า “ทรัมป์ กำลังเผชิญแรงกดดันจากตัวเอง และจะเจอมากขึ้นไปอีกจากทั้งเยอรมนีและยุโรป”

ฝรั่งเศส ประเทศในสมาชิกสหภาพยุโรป

ประธานาธิบดี ‘เอ็มมานูเอล มาครง’ (Emmanuel Macron)

“มาตรการนี้เป็นมาตรการที่โหดร้ายและไร้ซึ่งเหตุผล

เรื่องนี้จะกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อผู้คนและเศรษฐกิจยุโรป

ผลของเรื่องนี้จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐอ่อนแอลง ผู้คนจะยากจนลงเสียเอง”

สเปน ประเทศในสมาชิกสหภาพยุโรป

นายกรัฐมนตรีสเปน ‘เปโดร ซานเชซ’ (Pedro Sanchez)

“การโจมตีด้วยภาษีศุลกากรครั้งนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ

ไม่ได้มีการแบ่งแยกระหว่างมิตรหรือศัตรู

ไม่เลือกปฏิบัติตามอุดมการณ์หรือดุลการค้าใดๆ

แต่เป็นการโจมตีต่อทุกคนและทุกสิ่ง”

อังกฤษ หลังโดนภาษีพื้นฐาน 10%

นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ‘เคียร์ สตาร์เมอร์’
(Keir Starmer)

“ไม่มีใครชนะในสงครามการค้า เรายืนยันว่าเรามีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แฟร์และสมดุลกับสหรัฐฯ นอกจากนี้เรายังมีการเจรจาข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม เราจะบรรลุข้อตกลงฉบับนั้นหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับมันเป็นประโยชน์ต่อชาติของเราหรือเปล่า”

นิวซีแลนด์ หลังโดนภาษีพื้นฐาน 10%

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของนิวซีแลนด์ ‘ท็อดด์ แมคเคลย์’
(Todd Mcclay)

“ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างนิวซีแลนด์กับสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง

แต่เราจะหารือกับฝ่ายบริหาร และภาคการส่งออกในประเทศ

เราจะหาข้อมูลเพิ่มเติม ทำความเข้าใจ และศึกษาผลกระทบของการประกาศครั้งนี้”

แคนาดา โดนภาษีจากที่ประกาศในช่วงแรก 25%

นายกรัฐมนตรี ‘มาร์ก คาร์นีย์’ (Mark Carney)

“เราจะต่อสู้กับภาษีนำเข้าเหล่านี้ด้วยมาตรการตอบโต้
เราจะปกป้องคนทำงานของพวกเรา”

จีน หลังโดนภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ 54% (รวมของเดิม)

กระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

“สงครามการค้าจะไม่มีผู้ชนะ และจะไม่ใช่ทางออกสำหรับผลประโยชน์ทางการค้า จีนขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกภาษีศุลกากรตอบโต้ทันที และหันมาแก้ไขปัญหาการค้าทางการค้าผ่านการเปิดโต๊ะเจรจาในระดับที่เท่าเทียมกัน เราคัดค้านการขึ้นภาษี แต่เราจะใช้มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิและประโยชน์ของเราเอง”

ญี่ปุ่น หลังโดนภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ 24%

นายกรัฐมนตรี ‘ชิเงรุ อิชิบะ’ (Shigeru Ishiba)

“การกระทำนี้จะก่อให้เกิดข้อจำกัดในวงกว้างทางการค้าระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ และยังจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ เศรษฐกิจโลก และพหุภาคี

เรามีความกังวลอย่างจริงจังว่ามาตรการทางภาษีนี้จะไม่สอดคล้องกับข้อตกลงทางการค้าขององค์การการค้าโลกที่มีระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐ จากนี้เราจะพยายามเรียกร้องให้สหรัฐฯ ทบทวนมาตรการทางภาษีนี้อีกครั้ง”

ไทย หลังโดนภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ 37%

นายกรัฐมนตรี ‘แพทองธาร ชินวัตร’

“เราเตรียมไว้ทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว เช่น ในระยะสั้น เราจะดูว่าจะสามารถเจรจาต่อรองช่วยผู้ประกอบการส่งออกของเรา ว่าจะสามารถเยียวยาอะไรได้บ้าง หรือช่วยอะไรได้บ้าง เป็นแผนที่กระทรวงการคลังกำลังคุยกันอยู่กับกระทรวงพาณิชย์

จากนี้คิดว่าจากนี้ยังเจรจาได้อยู่ ตัวเลข 37% ยังไม่ได้ถูกใช้อย่างเป็นทางการ”

และในวันนี้ ศุกร์ที่ 4 เมษายน 2568 ทรัมป์ก็ได้กล่าวอีกครั้งว่าตนพร้อมจะลดภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ ถ้าบรรดาประเทศต่าง ๆ ที่เข้ามาเจรจายื่นข้อเสนอที่มากพอ ประโยคนี้อาจทำให้ผู้นำหลาประเทศคลายกังวลได้บ้าง แต่จากการกระทำนี้ทำให้นึกย้อนถึงนักวิชาการในไทย “รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์” ที่วิเคราะห์ว่าการกระทำของทรัมป์ครั้งนี้เป็น #การทูตต้นทุนต่ำ พึ่งกระดาษ ปากกา ก็สามารถทำให้ทรัมป์ได้สิ่งที่ต้องการได้

ที่มา reuters bbc